ยูโอบี ประเทศไทยผนึก สสว. เร่งปรับธุรกิจเอสเอ็มอีสร้างแบรนด์ด้วยดิจิทัล

09 ส.ค. 2564 | 11:49 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2564 | 19:35 น.

ยูโอบี ประเทศไทยร่วมมือ สสว. เร่งปรับธุรกิจเอสเอ็มอีสู่ดิจิทัลฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงขยายฐานลูกค้าเพิ่ม

นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก ผู้อำนวยการอาวุโส Head of Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ยูโอบีฯ ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อแนะนำเทคโนโลยีและให้ความรู้ด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ในการปรับองค์กรและธุรกิจ ผ่านงานสัมมนาออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Smart Business Transformation Programme (SBTP) ดำเนินการโดย เดอะ ฟินแล็บ (The FinLab) และธนาคารยูโอบี โดยเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมกิจกรรมจะสามารถระบุดิจิทัลโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง ที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น 
รวมถึงขยายฐานลูกค้า  ที่สำคัญผู้ประกอบการยังสามารถลงชื่อขอใช้ดิจิทัลโซลูชันแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลาสูงสุด 4 เดือน ประกอบด้วย Smart Point of Sale (POS) จากไมโครซอฟท์  Zaviago บริการแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและจัดการเว็บไซต์ และ Kollective ซึ่งเป็นโซลูชันสำหรับการทำการตลาดโดยใช้ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (influencer)
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรวม 2,700 รายใน 21 ภาคธุรกิจโดยสสว. พบว่าเอสเอ็มอีสนใจนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน โดย 84.4%  มีแผนที่จะเริ่มดำเนินการในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี พบว่า 61.4% ของเอสเอ็มอีไทยยังไม่มีช่องทางการขายออนไลน์  และอีก 64.1% ยังขาดระบบการรับสั่งสินค้าออนไลน์ ขณะที่ 20.7% ต้องการมีระบบการทำธุรกรรมออนไลน์

สิรินันท์ จิรดิลก
“การปรับเปลี่ยนไปสู่การทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความสำคัญต่อเอสเอ็มอีเป็นอย่างมากในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตเช่นนี้ โครงการ SBTP ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอสเอ็มอีที่สามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลได้ในเชิงรุก นอกจากจะประสบความสำเร็จแล้ว ยังจะสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกมากมาย สำหรับความร่วมมือกับสสว. และผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครซอฟท์  Zaviago และ Kollective  จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยเปลี่ยนจากการทำธุรกิจแบบเดิมพลิกโฉมไปสู่การทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นวันที่ 31 สิงหาคม 64 รับเอสเอ็มอี 1,000 ราย ”

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า เอสเอ็มอีมีสัดส่วนคิดเป็น 34.2% ของ GDP ประเทศไทย โดยถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในปัจจุบัน ทำให้เอสเอ็มอีต้องประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างมาก เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถดำรงธุรกิจอยู่ได้และเพื่อการเติบโตต่อไปในอนาคต ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกระบวนการทำธุรกิจมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงยังต้องการใช้ดิจิทัลโซลูชันที่ตรงเป้าหมาย ใช้งานได้เห็นผลจริง และนำไปใช้งานได้ง่าย
"สสว.ได้กำหนดนโยบายที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อขยายธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มสาขาธุรกิจภาคบริการรายย่อย เช่น ร้านค้า ร้านอาหารขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง"

นายภักดี อัญญะกมล รองกรรมการผู้จัดการ ประสานงานกลุ่มลูกค้าองค์กรและกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการคลุกคลีกับลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมานาน ทั้งยังได้เข้าไปช่วยเหลือองค์กรมากมายที่ต้องการก้าวข้ามความท้าทายในช่วงวิกฤตนี้ด้วยเทคโนโลยี จึงได้นำ โซลูชันต่าง ๆ เข้ามาช่วยเหลือ เช่น Microsoft Smart POS แอปพลิเคชันบันทึกการขายที่ทำงานในรูปแบบของบริการบนคลาวด์
“Smart POS มีต้นทุนที่ถูกกว่าระบบบันทึกการขายแบบเดิมมาก ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 150 บาทต่อเดือน และยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ของธุรกิจ ทั้งการสรุปยอดขายและส่งรายงานเป็น Excel แสดงยอดขายทุกรายการ ไปจนถึงการสร้างเว็บไซต์ และเครื่องมือการตลาดด้านการใช้ไมโครอินฟลูเอนเซอร์  นี่เป็นเพียงหนึ่งในโซลูชันที่น่าสนใจจากไมโครซอฟท์และพันธมิตร  เราหวังว่าในอนาคต เทคโนโลยีของเราจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าและต่อยอดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง”