นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้เป็นประธานในการประชุมผ่านระบบ Zoom Conference การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด เพื่อเดินหน้าโครงการประกันรายได้พืชอีก 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน ที่จะนำมาใช้เป็นหลักประกันในการช่วยเหลือเกษตรกรในปีที่ 3 และการพิจารณาโครงการเสริม เพื่อยกระดับราคา
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้มีมติเห็นชอบในการเดินหน้านโยบายประกันรายได้ ปีการผลิต 2564/65 เป็นปีที่ 3 โดยใช้หลักการเดียวกับประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2 ที่กำหนดราคาเป้าหมาย 8.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่
เป้าหมายเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตรจำนวนประมาณ 452,000 ครัวเรือน ที่ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564-31 พ.ค.2565 โดยงวดแรกจะเริ่มจ่ายให้เกษตรกรวันที่ 20 พ.ย.2564 งวดต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือน งวดสุดท้าย 20 ต.ค.2565 รวม 12 งวด วงเงินงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ส่วนมาตรการคู่ขนานที่จะเข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพด มีมาตรการให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเร่งการรับซื้อและเก็บสต๊อกไว้ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยได้รับชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี เป้าหมายรวม 350,000 ตัน ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่ม เป้าหมาย 150,000 ตัน และ 2.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป้าหมาย 200,000 ตัน
ขณะที่ ปาล์มน้ำมัน ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณาโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน ปี 3 โดยกำหนดราคาเป้าหมาย 4 บาทต่อกก. ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับความช่วยเหลือทุกครัวเรือนตามพื้นที่ ๆ ปลูกจริง แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ไร่ และต้องเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้ว มีอายุ 3 ปีขึ้นไป ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ย. 2564-ก.ย.2565 โดยจะจ่ายงวดที่ 1 วันที่ 15 ก.ย.2564 วงเงินงบประมาณ 7,660 ล้านบาท
“ก็ยังคงมีมาตรการเสริมคู่ขนาน เพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน จะสนับสนุนค่าบริหารจัดการให้ผู้ส่งออก กก.ละ 2 บาท เพื่อผลักดันน้ำมันปาล์มดิบออกไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2564 จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลาส่งออกเดือนก.ย.2564 เป็น ธ.ค.2564 และขยายเวลาโครงการจากเดือนธ.ค.2564 เป็น มี.ค.2565 ภายใต้เป้าหมายเดิมที่ 300,000 ตัน และในปี 2565 เป้าหมาย 150,000 ตัน”
โดยจะเสนอขอใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร วงเงิน 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ในการดำเนินการโครงการดังกล่าว มีเงื่อนไขพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการส่งออก เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม โครงการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดนี้ จะเดินหน้าปีที่ 3 ทั้งหมดในพืชหลัก 5 ชนิด ซึ่งจะทยอยทำการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง หลังจากพืชแต่ละชนิดจบโครงการปีที่ 2 และจะนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขออนุมัติต่อไป เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในโครงการกว่า 7.69 ล้านครัวเรือน ที่ปลูกพืชหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนพืชเกษตรอื่น ๆ จะมีมาตรการอื่นในการเข้ามาดูแล ซึ่งยืนยันว่ามีการดูแลทั่วถึงแน่นอน