นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาเกษตร เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชในลำไยส่งออกไปจีน สืบเนื่องจากฝ่ายจีนมีการแจ้งเตือนว่า ตรวจพบศัตรูพืชกักกัน (เพลี้ยแป้ง) ในลำไยที่ส่งออกจากไทยไปจีน จึงขอให้ฝ่ายไทยระงับการส่งออกลำไยด้วยตัวเองก่อน ซึ่งมีการแจ้งเตือนให้ระงับ 2 ครั้ง ได้แก่
1. ระงับโรงคัดบรรจุครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคม 2564 จำนวน 9 แห่ง ซึ่งกรมฯ ได้จัดส่งรายงานผลการปรับปรุงแก้ไขของโรงคัดบรรจุให้จีนพิจารณาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2564
2. ระงับโรงคัดบรรจุครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 จำนวน 66 แห่ง ซึ่งมีบางส่วนที่ทับซ้อนกับครั้งแรกอยู่บ้าง
การดำเนินการของกรมวิชาการเกษตร ภายหลังจากที่มีการระงับการส่งออก กรมวิชาการเกษตรได้จำแนกกลุ่มโรงคัดบรรจุและจัดส่งข้อมูลโรงคัดบรรจุและสวนที่มีความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ พร้อมทั้งมาตรการแก้ไขของโรงคัดบรรจุและสวนให้ฝ่ายจีนพิจารณา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ทางฝ่ายจีนแจ้งผลการประเมินมาตรการป้องกันและรายงานผลการปรับปรุงแก้ไขของโรงคัดบรรจุลำไยส่งออกไปจีน รวมถึงระบบควบคุมการส่งออกของไทยแล้ว ดังนี้
1. จากการประเมินเอกสารการปรับปรุงแก้ไขที่ฝ่ายไทยเสนอมา ฝ่ายจีนเห็นว่า โรงคัดบรรจุ 6 แห่ง จาก 9 แห่ง ที่ฝ่ายไทยได้ทำการระงับเป็นการชั่วคราวด้วยตนเองในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถดำเนินการเป็นไปตามข้อกำหนดในพิธีสารที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกัน จึงอนุญาตให้ส่งออกไปจีนได้
2. โดยภาพรวมแล้ว ฝ่ายจีนเห็นชอบกับมาตรการป้องกันควบคุมศัตรูพืชในลำไยส่งออกไปจีนตามที่ไทยเสนอ แต่ยังคงต้องได้รับการทดสอบประสิทธิภาพของมาตรการในขั้นตอนการนำเข้า ดังนั้น ฝ่ายจีนจึงเห็นควรให้การส่งออกไปจีนของของโรงคัดบรรจุ จำนวน 66 แห่ง สามารถดำเนินการใน 2 ขั้นตอน ดังนี้
(1) ให้โรงคัดบรรจุ 50 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างต่ำสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยฝ่ายจีนจะประเมินประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าว ในขั้นตอนการกักกันการนำเข้าหลังจากนี้ โดยเป็นโรงคัดบรรจุที่ตั้งอยู่ในจังหวัด
- เชียงใหม่ 9 แห่ง
- ลำพูน 18 แห่ง
- จันทบุรี 26 แห่ง
- สระแก้ว 1 แห่ง
คลิกตรวจดูรายชื่อจีนไฟเขียวนำเข้าลำไยไทย
(2) หากมาตรการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพจริง โรงคัดบรรจุที่เหลืออีก 16 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างสูง จะสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้
ทั้งนี้ ทางฝ่ายจีนคาดหวังให้ฝ่ายไทยจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบกักกันการส่งออกผลไม้ไปจีน เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีการปนเปื้อนศัตรูพืชกักกันที่ฝ่ายจีนกังวล ซึ่งมาตรการที่กรมวิชาการเกษตรเสนอทางฝ่ายจีนไปมีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) การปรับปรุงการจัดการที่สวนและการเก็บเกี่ยวให้มีการป้องกันกำจัดและคัดแยกลำไยที่มีเพลี้ยแป้งปะปนออก
(2) การปรับปรุงการจัดการที่โรงคัดบรรจุ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ (QC) ทำหน้าที่ในการตรวจสอบศัตรูพืช มีการกำหนดจุดสุ่มตรวจศัตรูพืชเพิ่มขึ้น (รับสินค้าและคัดแยก/ ก่อนรม/ หลังรม) การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น หลอดไฟส่องสว่างและอุปกรณ์ตรวจสอบศัตรูพืช ติดภาพศัตรูพืชที่ต้องคัดแยกหรือปฏิเสธการรับวัตถุดิบ รวมถึงมีพื้นที่ตรวจสอบศัตรูพืช เป็นต้น
(3) การปรับปรุงการตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary certificate; PC) โดยการเพิ่มอัตราสุ่มจากเดิมร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 10 ในกลุ่มโรงคัดบรรจุ 66 ราย
สำหรับโรงคัดบรรจุที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 66 ราย กรมวิชาการเกษตรจะเพิ่มความเข้มงวดในการสุ่มตรวจสินค้าเป็นระดับในอัตราร้อยละ 3, 5 และ 7 อย่างต่อเนื่อง