นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เผยว่า เมื่อวันที่ 27ก.ค.ที่ผ่านมาได้ได้นำคณะผู้บริหารสมาคมการค้า ประกอบด้วย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยง นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อหารือถึงแนวทางดำเนินการตามคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 2013/2564 เรื่อง ให้โรงงานหรือสถานประกอบการ จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม (Factory Accommodation Isolation: FAI)
ตลอดจน แนวทางการจัดการและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัส COVID-19 จากผู้ป่วยกระจายไปยังแหล่งชุมชนและพื้นที่สาธารณะ และทราบว่าจังหวัดอยู่ระหว่างจัดสร้างโรงพยาบาลสนาม เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงในการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่มีจำนวนมากขึ้นในขณะนี้แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนาม โดยขอให้ภาคเอกชนช่วยสนับสนุนเครื่องตรวจวัดออกซิเจนและปรอทวัดไข้
โดยจากการดำเนินการหอการค้าร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ การจัดตั้ง รพ.สนาม และสิ่งของที่จำเป็น สำหรับผู้ป่วยเตียงสีเหลือง เช่น การจัดซื้อเครื่องมือวัดอุณหภูมิและเครื่องวัดออกซิเจน จำนวน 6,000 ชิ้น ให้จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสงขลา จำนวน 1,700,000 บาท เพื่อสาธารณสุขจังหวัดจะนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย
สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยเตียงสีเหลือง เตียงแดงสีแดง อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วย ในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสงขลา โดยได้ดำเนินการ ดังนี้รพ.กระทุ่มแบน เครื่อง Oxygen High Flow เครื่องเล็ก จำนวน 15 เครื่อง จำนวนเงิน 3,825,000 บาท รพ.บ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เครื่อง Oxygen High Flow เครื่องเล็ก จำนวน 10 เครื่อง จำนวนเงิน 2,555,000 บาท เครื่องใหญ่จำนวน 3 เครื่อง จำนวนเงิน 1,830,000 บาท จัดตั้งโรงพยาบาลสนามสีเหลือง (รพ.ทองอุไร) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนเตียง 200 เตียง จำนวนเงิน 6,000,000 บาท เพื่อรองรับกลุ่มแรงงานในคลัสเตอร์โรงงาน
รพ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี ไปที่การปรับปรุงพัฒนาระบบการระบายอากาศและการป้องการติดเชื้อ/ระบบ Telemedicine เพื่อสื่อสารระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วย/เครื่องตรวจและติดตามชีพแบบรวมศูนย์ และจำนวนเตียงระดับสีแดง 16 เตียง จำนวน 3,000,000 บาท และสนับสนุนสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และของใช้ที่จำเป็นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง จำนวน 300,000 บาท