นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และด้วยมีการใช้มาตรการควบคุมโรคลักษณะ Bubble and Seal โดยกำหนดให้เจ้าของโครงการและผู้รับเหมาควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานและสถานที่ก่อสร้างเพื่อให้คนงานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายออกไปสู่ภายนอก ควบคู่ไปกับการตรวจ Rapid Test ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพะลวยต้องล่าช้ากว่าแผนออกไป
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และมาตรการควบคุมโรคในแคมป์คนงานก่อสร้างแบบ Bubble and Seal ทำให้โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพะลวยต้องล่าช้ากว่าแผนงาน จากเดิมที่ผู้รับเหมาจะเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มก่อสร้างได้ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง และการแพร่ระบาดของโรคยังรุนแรง ประกอบกับมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน บางส่วนถูกกักตัวภายในแคมป์คนงาน จึงทำให้ขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง” นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือเกาะพะลวยขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส 2 ท่าเทียบ ได้ทำการเปิดยื่นซองประมูลไปก่อนหน้านี้ และบอร์ดบริษัทได้อนุมัติว่าจ้างให้ บริษัท เดอะซีบอร์ด ดี แอนด์ ซี จากัด เป็นผู้รับเหมาในการดำเนินการก่อสร้าง ตามแผนงานจะเริ่มเข้าพื้นที่ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 14 เดือน หรือจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2565
ปัญหาความล่าช้าดังกล่าว เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยนอกเหนือการควบคุม บริษัทฯ ได้ประสานให้ผู้รับเหมาก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพะลวยพิจารณาปรับแผนงานก่อสร้างใหม่ เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ทั้งนี้ ยอมรับว่า อาจจะส่งผลทำให้กำหนดการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเดินเรือต้องเลื่อนออกไปจากเดิม ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนต้องรอผลการประเมินอีกครั้ง