ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เกือบ 2 ปีที่บ้านด่านนอกได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์โควิด-19 จึงต้องการเสนอให้กับภาครัฐพิจารณาโครงการ"ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์"
โครงการนี้เกิดจากฒ๊ 2 เหตุการณ์ที่ประจวบกัน คือ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งจะมาครบในเดือนตุลาคม อีกประการสถานการณ์การฉีดวัคซีนในมาเลเซีย ตั้งเป้าฉีดให้ครบ 2 โดสได้ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรภายในเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน
ไทม์ไลน์ทั้ง 2 เหตุการณ์มาตรงกันในเดือนตุลาคมพอดี จึงเห็นว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่"เมืองด่านนอก"จะได้นำเสนอโครงการ"ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์" เปิดรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่ที่กำหนดโดยไม่ต้องกักตัว
สำหรับรูปแบบการดำเนินการโครงการของ “ด่านนอกแซนด์บ๊อกซ์” แม้จะคล้ายกับ"ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทุกอย่าง โดย"ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์" กำหนดเงื่อนไขว่า จะมีการกำหนดพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาพักอยู่ได้ ในรัศมีห่างจากด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียประมาณไม่เกิน 2.7 กิโลเมตรเท่านั้น และปิดเส้นทางซ้ายและขวา ที่จะไปเชื่อมกับปาดังเบซาร์และสะเดา เพื่อให้เป็นพื้นที่ปิดที่ควบคุมได้
“เราเสนอให้จังหวัดออกหนังสือรับรอง ให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่ด่านนอกได้ โดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) แต่หากลักลอบออกนอกพื้นที่ที่กำหนด ก็จะผิดกฎหมายการลักลอบเข้าเมือง”
ดร.สิทธิพงษ์กล่าวต่อว่า เงื่อนไขของนักท่องเที่ยวมาเลเซียจะเข้ามาได้คือ จะต้องได้รับวัคซีนครบโดส และจะต้องมีผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง รวมถึงจะต้องมีใบจองโรงแรมหรือห้องพักในด่านนอกอย่างน้อย 1 คืน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจเมืองด่านนอกทั้งการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวพักผ่อน
ในขณะเดียวกันสำหรับภาคผู้ประกอบการและประชาชนในเมืองด่านนอก จะขอวัคซีนจำนวน 30,000 โดส เพื่อนำมาฉีดให้กับผู้ประกอบการและประชาชนได้จำนวน 15,000 คน เพื่อสร้างความมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา และให้ชาวบ้านในพื้นที่มั่นใจว่าปลอดภัย เพราะมีการฉีดวัคซีนครบ 100 % ในเมืองด่านนอกภายในเดือนตุลาคม
“เราประเมินว่าในช่วง 2 เดือนแรก (พ.ย.-ธ.ค.64) จะมีผู้ประกอบการและประชาชน กลับเข้ามาในเมืองด่านนอกประมาณ 15,000 คน แยกเป็นประชากรในพื้นที่ประมาณ 3,000 คน ประชากรแฝงประมาณ 12,000 คน”
ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก ยังกล่าวถึงสิ่งที่ทำให้มีความมั่นใจว่าโครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์” จะได้รับการตอบรับ ว่า ช่วงนี้ได้รับการสอบถามจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ว่าเมื่อไหร่เมืองด่านนอกจะเปิด เขาต้องการที่จะกลับเข้ามาท่องเที่ยวและการเข้ามาซื้อสินค้าเหมือนในอดีต
“ในช่วง 2 เดือนแรกที่เรากำหนดเป็นเฟสแรก คือเข้ามาท่องเที่ยวได้เฉพาะในพื้นที่ ๆ กำหนด ห้ามออกนอกพื้นที่ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามามากแบบสมัยก่อนที่เคยเฟื่องฟู เพียงแต่เพื่อให้ประตูเขื่อนบนเปิดออกมาก่อน ให้มีน้ำไหลเข้ามา จะมากหรือน้อยอย่างน้อยก็มีไหลเข้ามา คนในพื้นที่ได้ประโยชน์ ผู้ประกอบการได้ประโยชน์ โดยคาดว่าในระยะที่ 1 ช่วงเวลา 2 เดือน(พ.ย.-ธ.ค.) น่าจะมีประมาณ 30,000-40,000 คนเท่านั้น เราไม่ได้หวังมากเกินไป”
ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก ยังคาดหวังว่า หากโครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์” ในระยะที่ 1 ประสบความสำเร็จ ไม่มีปัญหา ควบคุมได้ จังหวัดก็สามารถพิจารณาระยะที่ 2 คือ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางออกไปนอกพื้นที่เมืองด่านนอก มาได้ถึงอ.หาดใหญ่ หรืออ.เมืองสงขลา ได้ต่อไป
"นอกจากนี้โครงการ “ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ อาจจะเป็นโครงการนำร่อง สำหรับเมืองชายบแดนอื่น ๆ ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย เช่น เบตง สุไหงโก-ลก ให้จะสามารถนำไปปรับใข้ได้"ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก กล่าว