ตลาดข้าวบรรจุถุงในแต่ละปีมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แต่ในปีนี้ประเทศไทย รวมทั้งโลกเกิดปัญหาการแพร่ระบาดไวรัส "โควิด-19" จึงทำให้ นักท่องเที่ยว การส่งออกข้าว มีปัญหา ดังนั้นจะเห็นว่า โรงสีและชาวนา มีการปรับตัวกันมากขึ้น จนเห็นภาพชัดเจน เน้นพึ่งพาตนเอง ขายข้าวตรงสู่ผู้บริโภค
ล่าสุดน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” กลุ่มเกษตรกร GAP ขาณุวรลักษณ์ ภายใต้โครงการขาณุโมเดล ผนึกพันธมิตรโรงสีทำเอ็มโอยูขายข้าวพันธุ์ "กข79" ซึ่งเป็นพันธุ์ที่กรมการข้าวรับรองพันธุ์ข้าวในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ขายออกไปแล้ว เป็นราคาที่พอใจมากพ่วงแรกขายไป 30 ตัน ราคา 7,000 บาท ต่อตัน ขึ้นไป ตามความชื้น
"ราคา ณ หน้าโรงสี ประมาณ 7,500-7,600 บาท หักค่าขนส่ง จากจังหวัดกำแพงเพชร ไปโรงสีจังหวัดสุพรรณบุรี หักค่าใช้จ่ายค่าขนส่งประมาณ 400 บาท จะเหลือค่าข้าวประมาณ 7,100-7,200 บาท โดยจะส่งข้าวเปลือกให้ ซื้อขายปกติ แต่ถ้าหากทางกลุ่มต้องการที่จะซื้อข้าวสาร กข79 กลับมาบรรจุถุงขายแบรนด์ “ข้าวนุ่มทุ่งขาณุ” ทางโรงสีจะแจ้งล่วงหน้า 15 วัน ส่วนเรื่องถุง ทางกลุ่มก็จะออกแบบใหม่ โรงสีจะส่งไปจัดการให้ เพราะทางกลุ่มไม่มีความรู้ จึงได้ชื่อแบรนด์ “ข้าวนุ่มทุ่งขาณุ” ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 119 บาท สู้โควิด19"
แบรนด์ “ข้าวนุ่มทุ่งขาณุ” เป็นข้าวพันธุ์ กข79 มีปริมาณอมิโลสต่ำ 18.82% ข้าวจึงมีความอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รับประทานง่าย ใกล้เคียงข้าวหอมดอกมะลิ 105
เช่นเดียวกับ นายวินิจ เลาห์ทวีรุ่งเรือง ผู้จัดการ หจก.ต.ทวีรุ่งเรือง (1992) จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายข้าวสุพรรณบุรี กล่าวว่า "ตลาด กข79" ตลาดข้าวนุ่ม คนไทยเริ่มมีความนิยมรับประทานไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยทางราชการก็จะนำมามาแทนที่ตลาดข้าวหอมพวง หรือ ข้าวหอมมะลิเวียดนาม หรือ ข้าวหอมจัสมิน ที่ชาวนานิยมปลูกอยู่ช่วงหนึ่ง จึงทำให้ข้าวชนิดนี้ก็หวังที่จะให้ชาวนามานิยมปลูกแทน
"กข79" คุณสมบัติการหุงอยู่เหนือกว่า "ข้าวหอมจัสมินเวียดนาม" รวมทั้งราคาข้าวเปลือกและราคาข้าวสาร ด้วย แต่ด้วยคุณสมบัติที่ไม่มีกลิ่นหอม ราคาจะด้อยกว่า "ข้าวหอมปทุมธานี" ซึ่งตอนนี้สถานะ "กข79" มีที่ยืนแล้ว คาดว่าในอนาคตความนิยมจะมากขึ้น แต่ถ้าปลูกกันมาก ราคาก็จะปรับลดลง ตามกลไกตลาด ย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว "ข้าวจัสมินเวียดนาม" หรือ "ข้าวหอมพวง" ราคาสูงกว่าข้าวเปลือกเจ้าทั่วไป แต่เมื่อปลูกกันมาก ตอนนี้ราคาเท่ากันแล้ว
นายวินิจ กล่าวอีกว่า "กข79" จะไม่มีทางไปผสมกับข้าวชนิดแข็งเด็ดขาด เพราะตำแหน่งราคาเหนือกว่า "ข้าวจัสมินเวียดนาม" เหนือกว่า "ข้าวเจ้า" ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาร ด้วยของแพงกว่า จะไม่นำข้าวแพงกว่าไปผสมกับข้าวราคาถูก ส่วนจัสมิน ที่ราคาเท่ากับข้าวธรรมดา ก็ยอมรับว่าบางจุด ไม่มีโรงสีไหนรับซื้อ ตลาดกลางรับซื้อแล้วนำไปผสมมาขายโรงสีโดยตรงมาขายเป็นข้าวแข็ง พอโรงสี สีแปรโดยไม่รู้ว่ามีข้าวจัสมินผสม ปลายข้าวที่นำไปใช้ผลิตเส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยวจะมีปัญหา
“กข79 รับซื้อปกติแล้ว มีทั้งชาวนา ลานข้าว และ โรงสี บางโรงก็นำมาขาย ประกอบกับที่โรงสีทำการตลาดด้วย จึงรับซื้อข้าวในราคาที่สูงกว่าโรงสีทั่วไป ยังเป็นตลาดไม่ใหญ่มากนัก เพิ่งจะเริ่ม และทำข้าวแบรนด์ด้วย แล้วใส่ในแบรนด์ได้ ก็สร้างแบรนด์ใช้ "ข้าวหอมสุพรรณ" หรือ "สุพรรณ ไรซ์" บรรจุถุงสีน้ำเงิน จะแพงกว่าข้าวหอมพวง 5 บาท ส่วนข้าว หอมพวงหรือ จัสมินไรซ์ บรรจุถุงสีเขียว 55 กก. ราคา 85-90 บาท ถ้ากข43 บรรจุถุงสีแดง 5 กก. 125 บาท นี่เป็นทางเลือกใหม่ ทั้งชาวนาและผู้บริโภค”