ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า จากหลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบปัญหาฝนตกหนัก และฝนตกสะสม ชื่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนสไลด์ จนอาจสร้างความเสียหายให้กับพืชผลของเกษตรกร ได้กำชับให้กรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกรที่อาจประสบภัยพิบัติตั้งแต่ก่อนเกิดภัย จนถึงมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
และเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีการปรับหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ซึ่งสำหรับหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือนั้น เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย และมีพื้นที่เสียหายสิ้นเชิงอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ สำหรับเงินช่วยเหลือที่เกษตรกรจะได้รับ คือ ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดภัย กรมส่งเสริมการเกษตรได้ติดตามและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารสภาพภูมิอากาศและแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกรทราบ พร้อมทั้งออกเยี่ยมเยียนให้คำแนะนำเกษตรกรขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงประสานงานกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ขณะเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ต่าง ๆ กรมส่งเสริมการเกษตรจะประเมินสถานการณ์เบื้องต้น และรายงานสถานการณ์พื้นที่การเกษตรประสบภัยพิบัติ พร้อมจัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เกษตรกร รวมถึงออกเยี่ยมเยียนให้คำแนะนำในการดูแลรักษาพืชผลทางการเกษตรที่เสียหาย
ทั้งนี้เมื่ออธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรจะเร่งรัดสำรวจและประเมินความเสียหาย และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยเมื่อพืชผลของเกษตรกรได้รับความเสียหายให้เกษตรกรยื่นแบบการขอรับความช่วยเหลือ (กษ 01) ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. หรือนายกเทศมนตรี ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองเอกสาร แล้วให้คณะกรรมการหมู่บ้านตรวจสอบและรับรองความเสียหาย หลังจากนั้นให้ติดประกาศคัดค้านตามสถานที่ที่กำหนด ไม่น้อยกว่า 3 วัน เมื่อไม่มีผู้คัดค้าน สำนักงานเกษตรอำเภอนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) พิจารณาให้ความช่วยเหลือ
“นอกจากการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 แล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมพืชพันธุ์ดี เช่น ต้นพันธุ์พืชผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น หรือพืชเศรษฐกิจ และสารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อไตรโคเดอร์ม่า พร้อมแจกจ่ายช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลดไว้พร้อมแล้ว” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว