นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เมื่อเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ได้อนุญาตให้คนต่างชาติรวม 29 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ซึ่งนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 559 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 742 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้ จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็น
องค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานและกระบวนการทำงานทางเทคนิคของหน่วยกำจัดกำมะถันออกจากน้ำมันดีเซลโดยไฮโดรเจน องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการกลั่นน้ำ หรือก๊าซ หรือน้ำมัน เพื่อเปลี่ยนน้ำเสีย หรือก๊าซ หรือน้ำมันดิบให้เป็นน้ำ หรือพลังงานสะอาด (The unique innovation and technology of Carrier Gas Attraction) และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งานโปรแกรมเชื่อมต่อระบบสารสนเทศของโรงพยาบาล และโปรแกรมรวบรวมสถิติในห้องปฏิบัติการเพื่อนำมาวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์การทำงาน เป็นต้น สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตในเดือนกันยายน 2564 ได้แก่ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 13 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์มีเงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 114 ล้านบาท
เช่น บริการให้ใช้สิทธิและให้ใช้ช่วงสิทธิในซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาล สถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์บริการให้ใช้พื้นที่บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเพื่อการโฆษณา บริการจองบัตรโดยสารรถโดยสารประจำทาง รถเช่า เรือโดยสารและสายการบิน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ จำนวน 9 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น มีเงินลงทุนจำนวน 119 ล้านบาท อาทิ การทำกิจการบริการทางบัญชีและกฎหมายแก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม บริการสำรวจและวิเคราะห์ตลาด รวมทั้งประสานงานด้านการสั่งซื้อและส่งมอบสินค้า เป็นต้น
ธุรกิจนายหน้า/ค้าส่งสินค้า จำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอิตาลี มีเงินลงทุนจำนวน 156 ล้านบาท ได้แก่การทำกิจการตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องจักรบรรจุสินค้า (Packaging Machinery) และ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับระบบบรรจุสินค้า เป็นต้น
ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเยอรมัน มีเงินลงทุนจำนวน 170 ล้านบาท ได้แก่ บริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งก่อสร้าง ประกอบ ติดตั้ง และทดสอบการทำงานของระบบ และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเดือนกันยายน 2564 ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป รองลงมาเป็นธุรกิจการให้บริการแก่บริษัทในเครือในกลุ่ม ธุรกิจนายหน้า/ค้าส่งสินค้า และธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เป็นการประกอบธุรกิจเพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักที่ทำอยู่แล้ว ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก จำนวน 20 ราย คิดเป็นร้อยละ 69 ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาตทั้งหมดของเดือนนี้
นับตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2564 รวม 9 เดือน มีนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตให้เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วจำนวน 161 ราย รวมเงินลงทุน 9,943 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ชาวต่างชาติจะยังคงเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ภาครัฐตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องบรรยากาศที่ดีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงมีมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็งในการรับมือกับโรคโควิด-19 ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี