กมธ.พลังงานเตือน LPG ราคาพุ่ง ระเบิดเวลาลูกใหม่ จี้รัฐเตรียมเงินอุดหนุน

17 ต.ค. 2564 | 04:53 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2564 | 12:16 น.

กมธ.พลังงาน เตือนรัฐระวังราคา LPG จะสูงขึ้น จนคุมไม่อยู่ แนะหาแผนสำรอง หากกองทุนน้ำมันเอาไม่อยู่" ย้ำ ลดภาษีสรรพสามิต ช่วยราคาน้ำมันถูกลงเห็นผล กองทุนน้ำมันฯ กองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ รัฐควรพิจารณาปรับลดตาม จี้รัฐบาลเตรียมหาเพิ่มรองรับหนุนน้ำมัน และ LPG แพง

 

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมการการพลังงาน(กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ขอให้รัฐบาลระวัง ราคาก๊าชหุงต้ม(LPG) ที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ปัจจุบันประเทศไทยแม้จะมีการผลิต LPG ได้เองในประเทศ แต่ก็มีการนำเข้าจากต่างประเทศด้วย ประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแนวโน้มราคา LPG จะมีราคาสูงขึ้นเป็นวัฏจักรในรอบปี หากพิจารณาจากโครงสร้างราคา LPG จะเห็นว่ารัฐใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคา LPG  ถึงกิโลกรัม(กก.)ละ 15.5181 บาท ขณะที่เก็บภาษีสรรพสามิตอยู่ที่ กก.ละ 2.17 บาท ซึ่งเป็นภาระกับกองทุนฯ มาก

 

กมธ.พลังงานเตือน LPG  ราคาพุ่ง ระเบิดเวลาลูกใหม่ จี้รัฐเตรียมเงินอุดหนุน

 

ประกอบกับภาษีที่เก็บอยู่ก็ไม่ได้มากเมื่อเทียบกับราคาขาย LPG ที่ กก.ละ 18.87 บาท (ข้อมูลจากสำนักงานแผนและนโยบายพลังงาน ณ วันที่ 11 ต.ค.564) การเตรียมการแก้ปัญหา LPG นั้นจะไม่ง่ายเหมือนราคาน้ำมัน ที่รัฐมีภาษีสรรพสามิตอยู่ในมือถึงลิตรละ 5 บาทกว่า แต่ว่าสำหรับ LPG รัฐมีภาษีฯ อยู่ กก.ละแค่ 2 บาทกว่า ปัจจุบันรัฐยังใช้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุดราคา LPG เป็นจำนวนมาก หากสถานการณ์ LPG มีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เงินจากกองทุนน้ำมันอาจจะถูกใช้จนหมด ภาษีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก รัฐอาจจะจำเป็นต้องหาเงินจากช่องทางอื่นมาช่วย ซึ่งทาง กรรมาธิการฯ อยากเตือนรัฐบาลให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า

 

กมธ.พลังงานเตือน LPG  ราคาพุ่ง ระเบิดเวลาลูกใหม่ จี้รัฐเตรียมเงินอุดหนุน

 

ด้านแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้เกิดจากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีราคาสูงขึ้น การพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันของประเทศไทย จะต้องพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงว่าควรปรับลดราคาในส่วนใดได้บ้างที่จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในขณะนี้ เช่น การปรับลดภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการลดส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซลและเอทานอล) เป็นต้น

 

“ในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้ รัฐบาลควรรีบเข้ามาดำเนินการแก้ไข จะเป็นการลดส่วนผสมไบโอดีเชลในน้ำมันดีเซลลง ที่ผ่านมารัฐลดส่วนผสมไบโอดีเซลลง เหลือเพียง B6 แต่ลดราคาน้ำมันได้เพียง 2-3 วัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอีก ราคาน้ำมันก็ต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม” นายกิตติกร กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ เห็นควรปรับสูตรน้ำมันลงเหลือ B5 เพราะจะทำให้ลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลลดลง เนื่องจากในขณะนี้ราคาไบโอดีเซลสูงถึง 40 บาทต่อลิตร ยิ่งผสมมากราคาน้ำมันดีเซลก็มีราคาสูงมาก หากมีการพิจารณาเพื่อปรับลดการผสมไบโอดีเซลให้น้อยลง ราคาน้ำมันก็จะถูกตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อเกษตรกร และภาคส่วนอื่น ๆ จากการปรับลดการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลังงาน ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย

 

ปัจจุบันการใช้น้ำมันปาล์มดิบของเทศไทย มีการส่งออกเดือนละ 60,000 กว่าตัน ใช้ในการบริโภคในประเทศ และภาคอุตสาหกรรมประมาณ 100,000 กว่าตัน ใช้ผลิตไบโอดีเซล 90,000 กว่าตันต่อเดือน หากพิจารณาในส่วนที่นำมาใช้ผสมไบโอดีเซล ควรนำปริมาณในส่วนนี้ไปส่งเสริมให้มีการส่งออกและใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์มาช่วยดำเนินการนำผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายยังภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อลดการนำมาใช้ในภาคพลังงาน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำได้อีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงานจะต้องร่วมกันดำเนินการในประเด็นดังกล่าว

 

สำหรับในส่วนของน้ำมันเบนซินซึ่งมีการผสมเอทานอลนั้น ราคาเอทานอลกับราคาเนื้อน้ำมันไม่แตกต่างกันมากนัก โดยราคาเอทานอล ในปัจจุบันมีราคาลิตรละ 25 บาท ราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 20 บาท ซึ่งมีส่วนต่างกันเพียง 5 บาทต่อลิตร และเมื่อเทียบกับการประหยัดเงินตราต่างประเทศในการนำเข้าน้ำมันและการช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศก็นับว่ายังเป็นสิ่งที่มีเหตุผลในการผสมเอทานอลในเนื้อน้ำมันเบนซิน

 

อย่างไรก็ตามการผสมเอทานอลในน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20 และ E85 นั้น ควรมีการพิจารณายกเลิกการใช้น้ำมันประเภทนี้ เนื่องจากมีสัดส่วนในการผสมเอทานอลในสัดส่วนที่สูง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเบนชินมีราคาสูงขึ้นด้วย และรัฐบาลยังต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคาน้ำมันชนิดดังกล่าว อีกทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ประชาชนไม่ค่อยนิยมใช้ ดังนั้นจึงควรพิจารณายกเลิกน้ำมันทั้งสองชนิดดังกล่าว ให้เหลือเพียงน้ำมันเบนชิน E95 และ E91 เท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนการผสมของเอทานอลเพียง 10% จะช่วยลดภาระของการใช้เงินกองทุนน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาลดลงได้

 

“กรรมาธิการการพลังงาน มีความเห็นว่า ราคาน้ำมันที่แพงอยู่ในขณะนี้ และมีแนว โน้มจะแพงเพิ่มขึ้นอีก แนวทางที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ คือ รัฐบาลต้องทำการปรับภาษีสรรพสามิตให้ลดลง ในอดีตที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขึ้นสูงขึ้นถึงระดับ 100 กว่าเหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลรัฐบาลได้มีการลดภาษีสรรพสามิตลง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นการปรับลดภาษีสรรพสามิต เป็นแนวทางที่ลดราคาน้ำมันลงได้ผลอย่างชัดเจน และการปรับลดภาษีสรรพสามิตนั้นสามารถปรับลดลงเท่าที่รัฐบาลเห็นสมควร ในช่วงที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน”

 

กมธ.พลังงานเตือน LPG  ราคาพุ่ง ระเบิดเวลาลูกใหม่ จี้รัฐเตรียมเงินอุดหนุน

 

พร้อมกันนี้รัฐควรมีการพิจารณาปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าควรจะปรับลดเท่าใด ส่วนการเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 10 สตางค์ต่อลิตร ที่รัฐบาลจัดเก็บในขณะนั้นควรปรับลดเหลือเพียง 1 สตางค์ต่อลิตรในช่วงเวลานี้ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่องไปอีก ควรพิจารณายกเลิกการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ออกไปก่อนในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อลดการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ทั้งนี้ รัฐบาลควรเตรียมหาแนวทางรองรับเอาไว้กรณีเงินกองทุนน้ำมันลดน้อยลง จะโดยการกู้ หรือวิธีการอื่นใดควรเตรียมการไว้แต่เนิน ๆ