นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมการการพลังงาน(กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ขอให้รัฐบาลระวัง ราคาก๊าชหุงต้ม(LPG) ที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ปัจจุบันประเทศไทยแม้จะมีการผลิต LPG ได้เองในประเทศ แต่ก็มีการนำเข้าจากต่างประเทศด้วย ประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแนวโน้มราคา LPG จะมีราคาสูงขึ้นเป็นวัฏจักรในรอบปี หากพิจารณาจากโครงสร้างราคา LPG จะเห็นว่ารัฐใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคา LPG ถึงกิโลกรัม(กก.)ละ 15.5181 บาท ขณะที่เก็บภาษีสรรพสามิตอยู่ที่ กก.ละ 2.17 บาท ซึ่งเป็นภาระกับกองทุนฯ มาก
ประกอบกับภาษีที่เก็บอยู่ก็ไม่ได้มากเมื่อเทียบกับราคาขาย LPG ที่ กก.ละ 18.87 บาท (ข้อมูลจากสำนักงานแผนและนโยบายพลังงาน ณ วันที่ 11 ต.ค.564) การเตรียมการแก้ปัญหา LPG นั้นจะไม่ง่ายเหมือนราคาน้ำมัน ที่รัฐมีภาษีสรรพสามิตอยู่ในมือถึงลิตรละ 5 บาทกว่า แต่ว่าสำหรับ LPG รัฐมีภาษีฯ อยู่ กก.ละแค่ 2 บาทกว่า ปัจจุบันรัฐยังใช้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุดราคา LPG เป็นจำนวนมาก หากสถานการณ์ LPG มีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เงินจากกองทุนน้ำมันอาจจะถูกใช้จนหมด ภาษีก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก รัฐอาจจะจำเป็นต้องหาเงินจากช่องทางอื่นมาช่วย ซึ่งทาง กรรมาธิการฯ อยากเตือนรัฐบาลให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า
ด้านแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้เกิดจากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีราคาสูงขึ้น การพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันของประเทศไทย จะต้องพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงว่าควรปรับลดราคาในส่วนใดได้บ้างที่จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในขณะนี้ เช่น การปรับลดภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการลดส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซลและเอทานอล) เป็นต้น
“ในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้ รัฐบาลควรรีบเข้ามาดำเนินการแก้ไข จะเป็นการลดส่วนผสมไบโอดีเชลในน้ำมันดีเซลลง ที่ผ่านมารัฐลดส่วนผสมไบโอดีเซลลง เหลือเพียง B6 แต่ลดราคาน้ำมันได้เพียง 2-3 วัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอีก ราคาน้ำมันก็ต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม” นายกิตติกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯ เห็นควรปรับสูตรน้ำมันลงเหลือ B5 เพราะจะทำให้ลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลลดลง เนื่องจากในขณะนี้ราคาไบโอดีเซลสูงถึง 40 บาทต่อลิตร ยิ่งผสมมากราคาน้ำมันดีเซลก็มีราคาสูงมาก หากมีการพิจารณาเพื่อปรับลดการผสมไบโอดีเซลให้น้อยลง ราคาน้ำมันก็จะถูกตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อเกษตรกร และภาคส่วนอื่น ๆ จากการปรับลดการใช้ไบโอดีเซลในภาคพลังงาน ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย
ปัจจุบันการใช้น้ำมันปาล์มดิบของเทศไทย มีการส่งออกเดือนละ 60,000 กว่าตัน ใช้ในการบริโภคในประเทศ และภาคอุตสาหกรรมประมาณ 100,000 กว่าตัน ใช้ผลิตไบโอดีเซล 90,000 กว่าตันต่อเดือน หากพิจารณาในส่วนที่นำมาใช้ผสมไบโอดีเซล ควรนำปริมาณในส่วนนี้ไปส่งเสริมให้มีการส่งออกและใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์มาช่วยดำเนินการนำผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายยังภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อลดการนำมาใช้ในภาคพลังงาน ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำได้อีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงานจะต้องร่วมกันดำเนินการในประเด็นดังกล่าว
สำหรับในส่วนของน้ำมันเบนซินซึ่งมีการผสมเอทานอลนั้น ราคาเอทานอลกับราคาเนื้อน้ำมันไม่แตกต่างกันมากนัก โดยราคาเอทานอล ในปัจจุบันมีราคาลิตรละ 25 บาท ราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 20 บาท ซึ่งมีส่วนต่างกันเพียง 5 บาทต่อลิตร และเมื่อเทียบกับการประหยัดเงินตราต่างประเทศในการนำเข้าน้ำมันและการช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศก็นับว่ายังเป็นสิ่งที่มีเหตุผลในการผสมเอทานอลในเนื้อน้ำมันเบนซิน
อย่างไรก็ตามการผสมเอทานอลในน้ำมันแก๊สโซฮอล์E20 และ E85 นั้น ควรมีการพิจารณายกเลิกการใช้น้ำมันประเภทนี้ เนื่องจากมีสัดส่วนในการผสมเอทานอลในสัดส่วนที่สูง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเบนชินมีราคาสูงขึ้นด้วย และรัฐบาลยังต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคาน้ำมันชนิดดังกล่าว อีกทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ประชาชนไม่ค่อยนิยมใช้ ดังนั้นจึงควรพิจารณายกเลิกน้ำมันทั้งสองชนิดดังกล่าว ให้เหลือเพียงน้ำมันเบนชิน E95 และ E91 เท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนการผสมของเอทานอลเพียง 10% จะช่วยลดภาระของการใช้เงินกองทุนน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาลดลงได้
“กรรมาธิการการพลังงาน มีความเห็นว่า ราคาน้ำมันที่แพงอยู่ในขณะนี้ และมีแนว โน้มจะแพงเพิ่มขึ้นอีก แนวทางที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ คือ รัฐบาลต้องทำการปรับภาษีสรรพสามิตให้ลดลง ในอดีตที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขึ้นสูงขึ้นถึงระดับ 100 กว่าเหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลรัฐบาลได้มีการลดภาษีสรรพสามิตลง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นการปรับลดภาษีสรรพสามิต เป็นแนวทางที่ลดราคาน้ำมันลงได้ผลอย่างชัดเจน และการปรับลดภาษีสรรพสามิตนั้นสามารถปรับลดลงเท่าที่รัฐบาลเห็นสมควร ในช่วงที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน”
พร้อมกันนี้รัฐควรมีการพิจารณาปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าควรจะปรับลดเท่าใด ส่วนการเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 10 สตางค์ต่อลิตร ที่รัฐบาลจัดเก็บในขณะนั้นควรปรับลดเหลือเพียง 1 สตางค์ต่อลิตรในช่วงเวลานี้ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่องไปอีก ควรพิจารณายกเลิกการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ออกไปก่อนในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อลดการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ทั้งนี้ รัฐบาลควรเตรียมหาแนวทางรองรับเอาไว้กรณีเงินกองทุนน้ำมันลดน้อยลง จะโดยการกู้ หรือวิธีการอื่นใดควรเตรียมการไว้แต่เนิน ๆ