1ต.ค.64 เกาะติดมาตรการเยียวยาเอสเอ็มอี ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.64 อนุมัติกรอบวงเงิน 37,521.69 ล้านบาท สำหรับโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs โดยรัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่นายจ้างตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทย 3,000 บาท/คน/เดือน สูงสุด 200 คน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 – เดือนม.ค. 65 เพื่อให้นายจ้างสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ลูกจ้างไม่ถูกเลิกจ้าง และได้รับโอกาสในการจ้างงานใหม่
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สำรวจข้อมูลการลงทะเบียนรับสิทธิของสถานประกอบการ อัพเดต ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2564 เวลา 12.25 น. พบว่ามีจำนวนนายจ้างมาใช้สิทธิแล้ว 8,331 แห่ง โดยมีจำนวนลูกจ้างคนไทย 194,409 คน หลังจากที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เพิ่งเปิดให้สถานประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ฯ ผ่านทางระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th วันแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 และจะเปิดให้ลงทะเบียนจนถึง 20 พฤศจิกายน 2564
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ภาพรวมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs วันแรกมีผลตอบรับที่ดีมาก ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม เวลา 17.00 น. พบว่ามีสถานประกอบการได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว 5,091 ราย จำนวนลูกจ้างคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ 123,847 คน
แยกตามพื้นที่ดังนี้
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้สถานประกอบการจำนวนหนึ่งประสบปัญหาจนต้องหยุดกิจการชั่วคราว บางแห่งมีการลดการจ้างงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมีจำนวนมากที่พยายามพยุงกิจการไปพร้อมกับรักษาระดับการจ้างงานไว้อย่างสุดกำลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เห็นถึงความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องมีนโยบายรักษาระดับการจ้างงานและส่งเสริมการจ้างงานใหม่ โดยอุดหนุนค่าจ้าง 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 -มกราคม 2565 เพื่อให้สถานประกอบการขนาดเล็ก-กลางเกิดสภาพคล่อง สามารถฟื้นฟูกิจการสร้างความแข็งแรงในธุรกิจพร้อมรับการเปิดประเทศที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ ทั้งยังเป็นการตอบแทนธุรกิจในกลุ่ม SMEs ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของการจ้างงานในประเทศไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับสถานประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม (ฐานข้อมูลประกันสังคม ม.33 สถานะ Active) ที่มีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 โดยที่นายจ้างจะต้องรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการฯ หากไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น และกรณีนายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากยอดการจ้างงาน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มตามจำนวนการจ้างงานจริงไม่เกินร้อยละ 5
ทั้งนี้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างฯ โดยหลักเกณฑ์สำคัญอีกประการที่นายจ้างสถานประกอบการจะได้รับการอนุมัติร่วมโครงการ คือนายจ้างจะต้องส่งเงินสมทบประกันสังคมผ่านช่องทาง e-service (e-payment) ของสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการฯ
* อ่านเงื่อนไขคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ คลิกที่นี่
ผู้สนใจที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
ที่มา : กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน , ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th