นมโรงเรียนปี 2565 เดือด “อ.ส.ค.-นมมะลิ” โดดร่วม วงการ ถามหา “ธรรมาภิบาล”
นมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้าน ปี 2565 เดือด 15 ราย ใหม่โดดชิงเค้ก วงการตะลึง “นมตรามะลิ” โผล่ร่วมวง “อ.ส.ค.” ส่งน้ำนมดิบเข้าร่วม 200 ตัน วงการสหกรณ์กังขา ถามหาธรรมาภิบาล ขณะที่สมาคมพาสเจอร์ไรส์ ยังเชื่อมั่น อ.ส.ค.เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้คิดที่จะแข่งกับเอกชน
โครงการอาหารเสริม (นม) โรง เรียน ปี 2565 งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท (อนุบาลจนถึง ป.6) จำนวน 260 วัน ที่จะใช้กับปีการศึกษาใหม่ ประมาณวันที่ 16 พฤษภาคม ปี 2565 นั้น มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่การทำบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) การซื้อขายน้ำนมโคปี 2564/2565 รวม 3,525.84 ตันต่อวัน ขณะที่นมโรงเรียนใช้น้ำนมดิบ 1,045 ตันต่อวัน โดยคิดเฉลี่ยจากจำนวนเด็ก 6.9 ล้านคน (กราฟิกประกอบ)
แหล่งข่าวคณะอนุกรรมการบริหารนมทั้งระบบ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปีนี้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้ยื่นความจำนงนำนมดิบเข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนรายเดียวร่วม 200 ตันต่อวัน ยังไม่นับรายใหม่ อีก 15 ราย จากเดิมมี 93 ราย รวมทั้งสิ้นเป็น 108 ราย โดยรายใหม่ ได้แก่ 1.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ 2.สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมหินซ้อน จำกัด 3.บริษัท มะลิ กรุ๊ป 1962 จำกัด 4.ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอกประเสริฐ แดรีฟู้ด 5. บริษัท พญาเย็น แดรี่ จำกัด สาขาจังหวัดนครราชสีมา
6.บริษัท พญาเย็น แดรี่ จำกัด สาขาจังหวัดสมุทรปราการ 7.บริษัท เทียนขำแดรี่ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด จังหวัดกาฬสินธุ์ 8.บริษัท พิษณุโลกโกลด์มิลค์ จำกัด จังหวัดพิจิตร 9.บริษัทโทฟูซัง จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร 10. บริษัท แดรี่มิลค์ 2021 จำกัด จังหวัดชัยภูมิ 11.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
12.มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดนครศรี ธรรมราช 13. บริษัท พัชร์ฟู้ด อินเทลลิเจนซ์ จำกัด จังหวัดสระบุรี 14.บริษัท ราชาแดรี่โปร ดักส์ จำกัด จังหวัดลพบุรี 15.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย ทำให้นมโรงเรียนมีน้ำนมดิบที่เข้าร่วม 1,900 ตันต่อวัน ขณะที่ปีที่แล้ว 1,664.13 ตันต่อวัน
นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ให้มุมมองเกี่ยวผู้ประกอบการรายใหม่ที่ขอเข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนมากที่สุดในประวัติศาสตร์อาจจะมองเห็นความมั่นคงของธุรกิจ ความมั่นคงในระบบ และความมั่นใจในระบบนมโรงเรียนที่มีความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน จึงทำให้ผู้ประกอบการกล้าลงทุนเข้ามาผลิตนมโรงเรียน แง่ดีทำให้เกษตรกรมีแหล่งขายนมมากขึ้น แต่ไม่ได้พูดถึงการแย่งชิงโควตา พื้นที่จำหน่ายสิทธิ เด็กนักเรียน โรงเรียน และการแข่งขันที่จะมีโรงงานผลิตเพิ่มขึ้น
“นมโรงเรียนเคยเป็นตลาดเทียม แต่วันนี้ตลาดเทียม กลายเป็นตลาดที่มีความมั่นคง ทำให้ทุกคนลงมาเล่น ตลาดแท้ที่เป็นตลาดนมพาณิชย์ มีตัวแปรเรื่องโควิดทำให้ตลาดแท้มีปัญหา แต่วันนี้ตลาดเทียมมีความมั่นคงจึงทำให้ทุกคนกลับมาเล่นกันมากขึ้น”
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า กรณีที่ อ.ส.ค. มาทุ่มตลาดนมโรงเรียนจะต้องดูเอ็มโอยู ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเห็นเจตนาว่าเป็นจริงตามกระแสข่าวหรือไม่ แล้วถ้าเป็นจริง อ.ส.ค. ควรทบทวนบทบาท ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพราะแบรนด์ “วัวแดง” ผลิตจากน้ำนมโคสด 100% นมโรงเรียน ก็ผลิตจากน้ำนมโคสด 100% บรรจุน้ำนมโค 200 ซีซีเท่ากัน หากมาลงเล่นจริง อยากจะถามว่า คิดอะไรอยู่ เพราะแบรนด์ตัวเอง ขายในท้องตลาด 10 บาทต่อกล่อง แต่จะมาขายนมโรงเรียน 7 บาทเศษต่อกล่อง
“หากสมมติ อ.ส.ค.ได้สิทธิ์จำหน่าย 5 แสนหน่วยต่อวัน ราคาแตกต่างกัน 3 บาท อ.ส.ค.เสียหายวันละ 1.5 ล้านบาท แล้วถ้าคิด 260 วันคิดเป็นเงินเท่าไร แล้วหากนมพาณิชย์มีปัญหาจะไปดูการบริหาร การบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้อย่างไร อย่าลืมว่า อ.ส.ค.เป็นรัฐวิสาหกิจ มีเครื่องมือและกลไกมากกว่าเอกชนแล้วยังทำไม่ได้ เอกชนก็อยู่ไม่ได้ เกษตรกรก็อยู่ไม่ได้ จะล้มเป็นโดมิโน”
นายวสันต์ กล่าวว่า ตั้งคำถามอีกว่า วันนี้ตลาดนมพาณิชย์ที่ อ.ส.ค.ทำตลาดอยู่ได้ทำเต็มที่หรือยัง ซึ่ง อ.ส.ค.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่จะมาแข่งกับภาคเอกชน ไม่มีที่ไหนในโลกอยู่แล้ว เพราะตามรัฐธรรมนูญเขียนชัดว่ารัฐบาลจะต้องไม่ทำธุรกิจแข่งกับเอกชน แต่ต้องปกป้องเกษตรกร
แหล่งข่าวจากสหกรณ์โคมนม กล่าวว่า แค่ อ.ส.ค.ลงนม เกทับก็ย้ำแย่แล้ว วันนี้ยังมีบริษัท มะลิ กรุ๊ป 1962 จำกัด ได้ยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการอีก อยากให้คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน หรือ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือมิลค์บอร์ด ช่วยตรวจสอบคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นบริษัทที่ใหญ่ มีตลาดแล้วมาแย่งสิทธินมโรงเรียนของภาคสหกรณ์ สมควรหรือไม่ อย่างไรก็ดีนมโรงเรียนจะคุ้มครอง 3 ตันต่อวัน ให้ทำเอ็มโอยูเป็นรายสาขา และหากเป็นสาขาใหม่ที่แจ้งเกิดขึ้นหลังวันที่ 1 ตุลาคม จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียน
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,725 วันที่ 24 - 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564