บางจาก เตรียมจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นใน กทม. แก้ปัญหา PM 2.5 ดีเดย์ 15 พ.ย.

26 ต.ค. 2564 | 10:09 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2564 | 17:09 น.

บางจาก เตรียมจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 130 สาขา ด้วยดีเซลปริมาณกำมะถันระดับมาตรฐานยูโร 5 ราคาเท่าเดิม เริ่ม15 พฤศจิกายน 2564 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 แก้ปัญหา PM 2.5

บางจาก ถือเป็นผู้ริเริ่มจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2562 ด้วยการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกชนิดใน กรุงเทพมหานครเป็นปริมาณกำมะถันระดับมาตรฐานยูโร 5 ช่วยลดมลภาวะจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5

ทั้งนี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ บางจากจะจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่น เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการร่วมป้องกันปัญหาจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปีเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บางจากฯ จะปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกลิตรที่จำหน่ายในสถานีบริการบางจากใน กทม. 130 สาขาเป็นดีเซลปริมาณกำมะถันต่ำ ระดับมาตรฐานยูโร 5 ที่ช่วยลดค่ากำมะถันลงถึง 5 เท่า (น้อยกว่า 10 ppm) จากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ 

โดยจะจำหน่ายในราคาเท่าเดิมแม้จะมีต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ซึ่งการปรับลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ เพราะกำมะถันในน้ำมันเมื่อถูกเผาไหม้จะเกิดเป็นซัลเฟตและจับกับมลพิษอื่น ทำให้เกิดเป็นฝุ่น PM 2.5
นอกจากนี้ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 –28 กุมภาพันธ์ 2565 ลูกค้าบางจากฯ เมื่อเติมน้ำมัน สามารถนำใบเสร็จไปรับบริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ พร้อมให้คำปรึกษาวิธีการดูแลให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ปล่อยเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ อันเป็นสาเหตุของ PM 2.5
สำหรับโรงกลั่นน้ำมันบางจากซึ่งเป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย กำลังการผลิต 120,000 บาร์เรลต่อวัน สามารถผลิตน้ำมันกลุ่มเบนซินและกลุ่มดีเซลซึ่งเป็นน้ำมันที่มีมูลค่าสูงได้คุณภาพตามข้อกำหนดมาตรฐานยูโร 4 ของภาครัฐ
นอกจากนี้ยังเป็นโรงกลั่นรายแรกในเอเชียที่ผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 มาตรฐานยูโร 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์มาตรฐานยูโร 5 ของบางจากฯ ได้แก่ บางจากแก๊สโซฮอล์ E20S และบางจากไฮพรีเมียม ดีเซล S ซึ่งน้ำมันสองชนิดนี้นอกจากจะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด เผาไหม้ได้สมบูรณ์ เร่งได้แรงเต็มสมรรถนะเครื่องยนต์แล้ว ยังดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานยูโร 5 อีกด้วย