ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม มีรายงานว่า ภายหลังอัยการรับมอบสำนวนคดี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ. เมืองนครสวรรค์ และ พวกจำนวน 7 คน ผ จากทางพนักงานสอบสวนไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องคดีดังกล่าวกับผู้ต้องหาทั้งหมด ในทุกข้อหา ประกอบด้วย
“เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ร่วมกันฆ่านายจิระพงศ์หรือมาวิน ธนะพัฒน์โดยไต่ตรอง ทรมานหรือทารุณโหดร้าย ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นหรือผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมสิ่งนั้น”
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 157, 309 วรรคสอง, 289 (5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า จากกรณีที่อัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในทุกข้อหา โดยเฉพาะมาตรา 289(5) ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฆ่าโดยทรมานทารุณโหดร้าย ถือเป็นมิติใหม่ของการเอาผิดผู้ต้องหาคดีลักษณะดังกล่าว เนื่องจากฎีกาเดิมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาในคดีนี้มักถูกดำเนินคดีตามมาตรา 288 ว่าด้วย ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
แตกต่างจากมาตรา 289(5) ที่มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว โดยไม่มีโทษจำคุก เท่ากับว่าหากคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลมีคำพิพากษาว่า ผู้ต้องหาผิดจริง ทาง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และพวก ก็จะต้องรับโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียวเท่านั้น โดยภายในสัปดาห์หน้าอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ก็จะยื่นฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.