การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2564 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีมูลค่า 22,738.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 17.4% ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าการส่งออกของไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าของไทยมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากการเติบโตทั้งในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม ส่งผลให้การส่งออก 10 เดือนแรกของปี 2564 ขยายตัว15.7% สะท้อนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจจริง
ดังนั้นในปีหน้านั้น กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประเมิณว่ากลุ่มสินค้าที่จะยังคงมีการขยายตัวได้ดี ใน 5 กลุ่มสินค้าที่ยังมีช่องว่างให้ผู้ส่งออกไทยรุกเข้าไปหาโอกาสในการทำตลาด
กลุ่มสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะข้าวที่ขยายตัวในตลาดเบนิน โกตดิวัวร์ จีน อังโกลา และอิรัก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวในตลาดจีนจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และฟิลิปปินสืยางพารา ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้
น้ำตาลทราย น้ำตาลทราย ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย กัมพูชา เกาหลีใต้ ไต้หวัน และลาว และกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร นอกจากนี้ยังมีผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง กระป๋องและแปรรูป ที่ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น
2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์
3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์
4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางยานพาหนะ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย จีน และมาเลเซีย
5) สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สหรัฐฯ เม็กซิโก อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ และอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ยังขยายตัวได้ดี อย่างอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร และเบลเยียม