นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ)หรือ UBE ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในกรอบความร่วมมือ 4 ข้อ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี ดังนี้
2. ร่วมมือในการใช้ประโยชน์จากข้อมูล องค์ความรู้ บุคลากร ของทั้งสองฝ่าย ตลอดจนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้การดำเนินงานในโครงการต่างๆ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมาย
3. ร่วมมือในการพัฒนางานวิจัยเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน BCG Model
4. ความร่วมมือในกิจกรรมอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง “วว.” และ “UBE”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากผลงานวิจัยของ วว. ให้สามารถนำมาปรับใช้ เพื่อวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และครอบคลุมความต้องการของเกษตรอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุน การออกแบบเครื่องจักร และโรงงานผลิต ตลอดจนการขายและการตลาด ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้สำเร็จตามเป้าหมาย ภายใต้กลยุทธ์ที่กำหนดไว้ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานแบบบูรณาการรัฐร่วมเอกชน และเกษตรกร ที่เราเรียกว่า “อุบลโมเดล”
"อุบลโมเดล" เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรต้นนำ ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายวัตถุดิบทางการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรอินทรีย์ที่ทำสัญญา Contract farming กับบริษัทฯ ที่ต้องผลิตให้ได้ตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล จะได้รับการช่วยเหลือในเรื่องการใช้สารชีวภัณฑ์มาเพิ่มผลผลิต การอารักขาพืช และการดูแลรักษาแปลงเกษตรให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และบริษัทฯ ก็สามารถรับซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
หน่วยงานที่มาร่วมมือ วว. เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพในเรื่องการวิจัยที่ใช้ประโยชน์จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ Bio-based โดยทางศาสตราจารย์ (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า วว. เป็นหน่วยงานหลักด้านวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยที่มีความพร้อม ความเชี่ยวชาญในการบูรณาการงานด้านสารชีวภัณฑ์อย่างครบวงจร ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การเป็นคลังสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ประกอบการ มีผลการศึกษาวิจัยระดับประเทศและภูมิภาค มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการผลิตระดับอุตสาหกรรม รวมถึงความพร้อมของห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน ตรวจวิเคราะห์คุณภาพ และทดสอบด้านพิษวิทยาของจุลินทรีย์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการไปถึงระดับโรงงานนำทาง
การร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้สามารถนำความรู้และประสบการณ์ของนักวิจัย/บุคลากรของ วว. มาผลักดันให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพานิชย์และเชิงสังคม เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลที่แท้จริงของเกษตรกรกับทางวว. เพื่อยกระดับการสร้างภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรเศรษฐกิจสีเขียว ส่งเสริมยกระดับผลผลิตทางการเกษตร ให้เกิดเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ในประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
แนวทางการดำเนินงานของ UBE คือ การพัฒนาตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ต้นทุนการผลิต คุณภาพผลิตภัณฑ์ ตลอดจนคิดค้นแนวทางเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากการทำ MOU ในครั้งนี้ จะเป็นในรูปแบบผลิตภัณฑ์ด้านปัจจัยการผลิตพืช ที่มาจากความร่วมมือ ได้แก่ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ และสารชีวภัณฑ์ควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืช อาทิ ปุ๋ยชีวภาพ PGPR, ชีวภัณฑ์บิวเวอร์เรีย, ชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มา โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการคัดเลือกเชื้อที่เหมาะสม ผ่านขั้นตอนการผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพ และอยู่ในรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน เช่น ชนิดผงสปอร์ ชนิดน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ คาดว่าจะมีความร่วมมือด้านการพัฒนาการวิจัยอุตสาหกรรมชีวภาพต่างๆ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน BCG Model ในอนาคต เช่น เคมีภัณฑ์ชีวภาพ, ไบโอพลาสติก, อาหาร, เครื่องสำอาง และยา เป็นต้น โดยมุ่งหวังที่จะต่อยอดให้เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้เสริมให้กับบริษัทฯ ในอนาคต