นายมงคล เฮงโรจนโสภณ นายกสมาคมเพื่อนชุมชน หรือ CPA (Community Partnership Association) คนใหม่ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของสมาคมเพื่อนชุมชนในระยะต่อไป ยังคงร่วมมือกันกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนระยองให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ 5 (Happiness ) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ทั้งนี้ ปี 64 ได้มีการประเมินผลเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในเขตมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ซึ่งยังสามารถรักษาระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระดับ 4 ได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังจะยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2065
ซึ่งสมาคมเพื่อนชุมชนจะร่วมเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จ.ระยอง หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 (covid-19) โดยการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมกับวางแผนการดำเนินงานต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (Next Normal) และต่อยอดโครงการเดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
นายวริทธิ์ นามวงษ์ อดีตนายกสมาคมเพื่อนชุมชน กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ทุกภาคส่วนเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สมาคมเพื่อนชุมชน จึงยกระดับแผนงานด้านสาธารณสุขให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาและความเดือนร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยได้มีส่วนสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าในการดูแลประชาชน จ.ระยอง
โดยสมาคมเพื่อนชุมชนและบริษัทสมาชิก ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 62 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และชุมชนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 54 จนถึงปัจจุบัน ยังได้ส่งเสริมให้จังหวัดระยองมีบุคคลกรทางการแพทย์ที่เพียงพอต่อจำนวนประชาชน โดยได้มอบทุนพยาบาลเพื่อนชุมชนไปแล้วกว่า 440 ทุน รวม 7 รุ่น ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาได้เข้าปฎิบัติงานในโรงพยาบาลรวม 9 แห่ง ในจ.ระยอง
“แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แต่สมาคมเพื่อนชุมชน ยังเดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานในมิติด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาปรับใช้กับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ เช่น มิติเศรษฐกิจ เสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งปัจจุบัน ได้พัฒนาไปแล้ว 43 กลุ่ม สามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าชุมชน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ กว่า 60 ล้านบาท มิติสังคม ส่งเสริมการศึกษาให้กับเยาวชน
โดยจัดทำโครงการเพื่อนชุมชนติวเตอร์ โดย 5 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 27,000 คน สามารถทำคะแนนสอบ O-NET ได้ขึ้นชั้นคะแนนสูงสุด ติด 1 ใน 5 ของประเทศ มิติด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาโมเดล จากการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อจัดการคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะ โดยชูโมเดลนำร่องทำโครงการคลองน้ำหู เพื่อร่วมกันดูแลคุณภาพน้ำ และฟื้นฟูระบบนิเวศในคลอง
สมาคมเพื่อนชุมชน ก่อตั้งจากความร่วมมือของ 5 กลุ่มบริษัท ได้แก่ กลุ่ม ปตท. เอสซีจี บีแอลซีพี กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จีพีเอสซี (เดิม คือ Glow) โดยปัจจุบัน มีสมาชิกสมทบอีก 12 บริษัท รวมเป็นบริษัทสมาชิกทั้งหมด 17 กลุ่มบริษัท การดำเนินงานของสมาคมเพื่อนชุมชน ตลอดระยะเวลา 11 ปี ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ปี ที่ 12 นั้น นับเป็นความร่วมมือของกลุ่มผู้ประกอบการและเครือข่ายสมาชิก ที่มีเป้าหมายเดียวกันที่จะขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม
และการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนระยอง พร้อมร่วมกันพัฒนา จ.ระยอง สู่การเป็นเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม โดยเน้นให้อุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยมีแนวคิด Care Together ใส่ใจกันและกันตามที่สมาคมเพื่อนชุมชนยึดมั่นมาตลอด 11 ปี