นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 8,177.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 51.56% โดยเป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 5 คิดเป็นสัดส่วน 3.67% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่หากหักทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริง มีมูลค่า 4,931.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.87%
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกลดลง มาจากการส่งออกทองคำในช่วง 10 เดือน ลดลงเหลือเพียงมูลค่า 3,245.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงสูงถึง 75.02% เพราะราคาทองคำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ได้มีการส่งออกไปเก็งกำไรส่วนต่างราคา เหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่หากหักทองคำออก จะเห็นได้ว่าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นถึง 26.87% เป็นการเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่ฟื้นตัวขึ้นจากเศรษฐกิจฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น
สำหรับสินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 20.51% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 33.93% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 35.69% เพชรเจียระไน เพิ่ม 35.26% เป็นต้น ส่วนตลาดส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น เช่น สหรัฐฯ เพิ่ม 54.64% อินเดีย เพิ่ม 67.76% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 138.40% ญี่ปุ่น เพิ่ม 7.73% เบลเยียม เพิ่ม 16.41% ออสเตรเลีย เพิ่ม 20.07% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 35.37% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 77.33% แต่ฮ่องกง ลด 0.55% เยอรมนี ลด 4.24%
แนวโน้มการส่งออกในเดือนพ.ย.-ธ.ค.2564 คาดว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ จะยังดีขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจในหลายประเทศฟื้นตัว และเข้าสู่ช่วงเทศกาล ทั้งคริสมาสต์และปีใหม่ ทำให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า เร่งนำเข้าเพื่อไปจำหน่าย ให้คนซื้อเป็นของฝาก ของขวัญ แต่ต้องจับตาการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่กำลังเกิดขึ้นว่าจะมีผลกระทบรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากไม่รุนแรง ก็จะทำให้เศรษฐกิจและการบริโภคสินค้ากลุ่มนี้ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ถ้ารุนแรง ก็ต้องดูว่าแต่ละประเทศจะมีมาตรการอะไรออกมารับมือและเข้มงวดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม GIT มีแผนสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยต่อเนื่อง โดยจะผลักดันให้ผู้ประกอบการเร่งพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในการขยายโอกาสในการขายสินค้า ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า และตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังได้เตรียมจัดงานเทศกาลนานาชาติ “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี” ระหว่างวันที่ 3-7 ก.พ.2565 เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวด้วย