นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน บมจ. ปตท. กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาออนไลน์ Thailand Next หัวข้อ"คำตอบธุรกิจสู่ความยั่งยืน" จัดโดยเครือเนชั่น และฐานเศรษฐกิจ ว่า ปตท.มี 2 สถานะ คือเป็นทั้งบริษัทในตลาด ขณะเดียวกันยังเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐ คือเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีพื้นฐานมาจากธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่ก่อตั้งมากว่า 40 ปี จากเดิมที่ตั้งไว้ว่า มุ่งสู่กิจการขนาดใหญ่ ซึ่งบรรลุแล้ว โดยเคยถูกจัดอยู่ในฟอร์จูน 100 มาแล้ว หรือเป็นบรรษัทข้ามชาติ ก็มีบริษัทลูกกระจายทุกภูมิภาคทั่วโลก
เมื่อกระแสโลกกำลังเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรับวิสัยทัศน์ใหม่เป็น "ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังชีวิต Powering Life with future energy and beyond " รับโลกใบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ที่เวลานี้รักษ์โลกเป็นกระแสหลัก มีรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวเป็นระยะ ปตท.อยู่ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เรารับรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงใกล้เข้ามาแล้ว จึงต้องขยับสู่พลังงานใหม่ พร้อมกับที่ขยายสู่ธุรกิจต่อเนื่องใกล้เคียง หรือที่ปตท.มีขีดความสามารถ อาทิ Life Science ชีวภาพ ยา ไลฟ์สไตล์ ไฮเทค ที่มีมูลค่าสูง ธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงดิจิทัล
"เวลานี้ปตม.มีบริษัทลูก 36-37 บริษัท บริษัทหลานอีกกว่า 300 บริษัท แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ปตท.ยังเป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งเป็นภารกิจหลักนับแต่ก่อตั้งไว้ไม่เสื่อมคลาย"นายเทอดเกียรติย้ำ
นายเทอดเกียรติ เผยอีกว่า นับแต่ปี 2524 ที่พบแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ปตท.ทำธุรกิจปิโตรเคมีมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยของเดิมก็ไม่ทิ้ง โดยจะยังคงพัฒนาการดูแลทรัพยากรธรรมชาติของไทยให้ดียิ่งขึ้น
แต่ขณะเดียวกันในกระแสรักษ์โลกที่มาแรง พลังงานและขนส่งเป็นกิจการที่สร้างก๊าซเรือนกระจกสูงสุดเป็นสัดส่วนถึง 70 % ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตระหนัก Future Energy ตามวิสัยทัศน์ใหม่ของปตท. จึงมุ่ง 2 แนวทางคือ 1.พลังงานเดิมที่ใช้อยู่ต้อง Go Green คือ สะอาดยิ่งขึ้น และ 2.พลังงานใหม่คือ มุ่งไฟฟ้า หรือ Go Electric โดยปตท.ตัดสินใจออกจากธุรกิจถ่านหิน
แต่ทั้งนี้ต้องดำเนินการอย่างมีการวางแผนและจังหวะ เพื่อไม่ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบ โดยตั้งเป้าหมายว่า ในอีก 10 ปี(2030) กำไรของปตท.จากกลุ่ม Future Energy จะมีสัดส่วนจากปัจจุบันไม่เกิน 5 % เพิ่มเป็น 30 % มีธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 12,000 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงจากปัจจุบันอีก 15 %
นอกจากนี้ จากที่รัฐบาลเป้าหมายของประเทศที่จะมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2065 (พ.ศ.2608) เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ปตท.ตั้งใจจะมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero งดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ โดยจะทำให้เร็วกว่าเป้าหมายประเทศ โดยจะประกาศรายละเอียดต่าง ๆ ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ปตท.มีความมุ่งมั่นจะไปสู่เป้าหมายประกาศอย่างแข็งขัน