นายชัยพร สีถัน อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เผยว่า ราคาไข่ไก่ที่แพงขึ้น และมาตรการ กระทรวงพาณิชย์ที่สั่งไม่ให้ฟาร์มขายไข่คละเกินฟองละ 3 บาท อาจไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ แต่ไข่ไก่ราคาสูงขึ้นไม่ใช่แค่ต้นทุนการเลี้ยงอย่างอาหารสัตว์และน้ำมันที่แพงขึ้นเท่านั้น แต่ต้นตอจริงๆคือต้นทุนแม่พันธุ์ไก่ไข่ที่บริษัทใหญ่ขายพ่วงอาหาร และนโยบายภาครัฐที่ผู้เลี้ยงไก่ไข่มองว่าสนับสนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ใน “วงจรกินรวบ”
อ้างอิงจากมติ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่ (Egg Board) ครั้งที่ 2/2564 เมื่อ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา เห็นชอบแผนการนำเข้าเลี้ยงไก่ไข่พันธุ์ และให้กรมปศุสัตว์จัดสรรโควตาไก่ไข่พันธุ์ ปี 2565 รวมกว่า 440,000 ตัว ให้กับผู้ผลิตพันธุ์สัตว์รายใหญ่ 16 บริษัท รายเดิมเดียวกับปีก่อน ไม่เปิดเสรีตามคำเรียกร้องของเกษตรกร รายย่อย ขอนำเข้าแม่พันธุ์
เท่ากับว่าฟาร์มไข่รายย่อยๆและระดับกลางๆจะซื้อแม่พันธุ์หรือลูกไก่จากรายใหญ่ ต้องซื้ออาหารพ่วงด้วย เช่น ถ้าเซ็นสัญญาซื้อไก่ 1 แสนตัว ก็ต้องซื้ออาหารพ่วงไป 12 ตัน ทุกๆวัน เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ไม่งั้นบริษัทใหญ่จะไม่ขายแม่พันธุ์ให้ แถมราคาแม่พันธุ์และอาหารก็เพิ่มสูงขึ้น กระทบต้นทุน
"โดยอาหารสัตว์ จาก 10.50 ต่อกิโลกรัม เป็น 14–14.50 ต่อกิโลกรัม แม่พันธุ์ไก่สาวซื้อจาก 16 บริษัท ราคาเดิม 120 ต่อตัว เป็น 150 บาท ลูกไก่รวมค่าวัคซีนซื้อจาก 16 บริษัท จาก 15 บาท ตัวละ 30 บาท"
นายชัยพร กล่าวว่า ตั้งคำถามว่ากำไรอยู่ในมือใคร? เกษตรกรรายเล็กๆเจ๊งล้มหายตายจาก รายกลางพออยู่ได้แต่มีต้นทุนสูง รายใหญ่ มีทั้งพันธุ์สัตว์ อาหาร วิตามินขายครบวงจร แบบกินรวบ อีกไม่นาน ราคาไข่ไก่ก็ 10 บาท ที่ต้องไปซื้อจากบริษัทใหญ่ๆ มากินเท่านั้นเอง นี่คือปัญหาในอนาคต
พรุ่งนี้! ติดตาม กรมการค้าภายใน เรียกประชุมจะขอปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม จาก 3 บาท/ฟอง ให้เหลือ 2.80 บาท/ฟอง จะสำเร็จหรือไม่