วิจัยกรุงศรี โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เผยแนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยปี 2565-2567 โดยในตอนหนึ่งได้วิเคราะห์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีสินค้าหลักอย่าง ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ที่ประเมินว่าอุตสาหกรรมเกษตรเหล่านี้คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น สามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่นี่
แนวโน้มข้าวปี 2565-2567
คาดว่าผลผลิตข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.5-2.5% ต่อปี อยู่ที่ 30.3-31.3 ล้านตันข้าวเปลือกต่อปี หรือ 19.7-20.3 ล้านตันข้าวสาร
ปัจจัยสนับสนุน
ผลจากปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะเอื้ออำนวย (ปี 2565-2566 คาดว่ายังได้อานิสงส์จากภาวะ La Niña) ต่อการเพาะปลูกและการกักเก็บน้ำไว้ใช้ นอกจากนี้ ชาวนามีแรงจูงใจจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวจากภาครัฐ อาทิ การประกันรายได้ การประกันภัยพืชผล การวางแผนการผลิตข้าว สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก แผนรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมข้าว และแผนบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอสำหรับภาคเกษตร
ความต้องการบริโภคในประเทศคาดว่าจะกลับสู่ระดับ 10.7-11.1 ล้านตันข้าวสารต่อปี แรงหนุนจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยว หนุนอุตสาหกรรมอาหาร ร้านอาหาร โรงแรม อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร และอุตสาหกรรมต่อเนื่องปรับตัวดีขึ้น
ตลาดส่งออก
การส่งออกข้าวมีแนวโน้มอยู่ที่ระดับ 7-8 ล้านตันต่อปี ตามความต้องการในต่างประเทศโดยเฉพาะจากแอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา จีน เบนิน และญี่ปุ่น
ราคาส่งออกข้าวของไทยมีแนวโน้มทรงตัวระดับต่ำใกล้เคียงปี 2564 สาเหตุหลักจากผลผลิตข้าวในประเทศที่เพิ่มขึ้น และสต็อกข้าวโลกที่คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง
แนวโน้มยางพาราปี 2565-2567
ผลผลิตยางพารามีแนวโน้มขยายตัว 3.0-4.0% ต่อปี
ปัจจัยสนับสนุน
การขยายพื้นที่ปลูกในช่วงหลายปีก่อนหน้า และ แรงจูงใจจากราคายางที่ปรับเพิ่มขึ้นตามความต้องการทั้งในและต่างประเทศ
อุปสงค์คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยตลาดในประเทศมีแนวโน้มเติบโต 3.0-4.0% ต่อปี จากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และความคืบหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหนุนความต้องการยางในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ตลาดส่งออก
ปริมาณส่งออกคาดว่าขยายตัว 2.0-3.0% ต่อปี ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน ถุงมือยางและอุปกรณ์ยางทางการแพทย์ และการใช้ยางพาราเพื่อสุขอนามัยของสังคมผู้สูงอายุ แนวโน้มการส่งออกจำแนกรายผลิตภัณฑ์ สรุปได้ดังนี้
แนวโน้มมันสำปะหลังปี 2565-2567
ผลผลิตหัวมันสดมีแนวโน้มขยายตัว 2.0-3.0% ต่อปี ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูก และปริมาณฝนที่คาดว่าจะเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ผนวกกับเกษตรกรมีแรงจูงใจด้านราคา จากตลาดส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกและมาตรการสนับสนุนภาครัฐ โดยตลาดในประเทศคาดว่าจะขยายตัว 2.5-3.5% ต่อปี
ปัจจัยสนับสนุน
(1) อุตสาหกรรมอาหารมีแนวโน้มขยายตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย
(2) ความต้องการมันสำปะหลังเพื่อใช้ผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล
(3) การให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยจึงต้องการมันเส้นเพื่อผลิตแอลกอฮอล์มากขึ้น ด้านปริมาณส่งออกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5.0-6.0% ต่อปี ดังนี้