นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กกร. ได้มีการประชุมและหารือกับ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อสรุปความคืบหน้าผลสำเร็จของการดำเนินการดังกล่าวในปี 2564
ทั้งนี้ ปัจจุบันการดำเนินการปลดล็อกด้านกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ หรือ Regulatory Guillotine ที่ได้มีว่าจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศ มาถ่ายทอดความรู้และให้คำปรึกษาแก่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ( TDRI) ที่ กกร.ได้ให้ TDRI เข้ามาทำการศึกษารายละเอียดของกฎหมายของประเทศไทย
ล่าสุด มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยคณะอนุกรรมการ ฯ รายงานว่า ในปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา มีการดำเนินการขับเคลื่อนการปลดล็อกเสร็จแล้ว 424 กระบวนงาน* และอยู่ระหว่างการดำเนินอีก 514 กระบวนงาน โดยความคืบหน้าของผลสัมฤทธิ์ในการขับเคลื่อน แบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 กระบวนงานที่หน่วยงานดำเนินการแล้วเสร็จตามข้อเสนอ จำนวน 424 กระบวน เช่น การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การกำกับดูแลโทรเวชกรรม (Telemedicine) และการปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารและดัดแปลงอาคาร
กลุ่มที่ 2 กระบวนงานที่หน่วยงานเห็นชอบการดำเนินการตามข้อเสนอ อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จำนวน 136 กระบวนงาน เช่น การปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาคารที่อาจใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม และการยกเลิกการควบคุมการนำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติและเครื่องทำน้ำร้อน
กลุ่มที่ 3 กระบวนงานเชิงการปรับปรุงหลักการและโครงสร้างของกฎหมายที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโดยคณะอนุกรรมการฯ หรือคณะกรรมการอื่น จำนวน 378 กระบวนงาน เช่น การจ้างงานคนต่างด้าวและสวัสดิการแรงงานต่างด้าว และการส่งเสริมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มที่ 4 กระบวนงานที่แนวทางการดำเนินการของหน่วยงานยังไม่ชัดเจน จำนวน 58 กระบวนงาน เช่น การปรับลดเอกสารในการจดทะเบียนอาคารชุดและนิติบุคคลอาคารชุดและการส่งเสริมสวัสดิการและส่งเสริมอาชีพสำหรับผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ
กลุ่มที่ 5 กระบวนงานที่มีข้อมูลไม่เพียงพอในการพิจารณาและอยู่ระหว่างการขอข้อมูล หรือต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม จำนวน 98 กระบวนงาน เช่น การประกอบกิจการสถานพยาบาล และการประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล
ทั้งนี้ ภาคเอกชนขอเสนอให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานเฉพาะเจาะจงมารับผิดชอบในการปฏิรูปกฎหมายล้าสมัย โดยมีจำนวนกำลังพลและงบประมาณที่เหมาะสม และทำงานเต็มเวลาในการนำวิธีการ Regulatory Guillotine มาใช้ในการปฏิรูปกฎหมายอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ได้มีผลงานในการนำเสนอปรับปรุงขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายต่าง ๆ เพื่อลดภาระที่ไม่จำเป็นของประชาชน และเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ เป็นจำนวนมาก เช่น แก้ไขเรื่องอัตราดอกเบี้ยและดอกเบี้ยผิดนัด และ เรื่องการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์(ส่วนราชการติดต่อสั่งการกันทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และประชาชนสามารถติดต่อรวมทั้งส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ส่วนราชการได้)
ดังนั้น กกร.จึงทำข้อเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและการประกอบอาชีพของประชาชน เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวนกว่า 40 ข้อเสนอ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายได้นำเสนอแนวทางปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบกับข้อเสนอดังกล่าวแล้ว กกร.จะติดตามสนับสนุนคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้สำเร็จโดยเร็ว
นอกจากนี้ กกร. เห็นว่าในข้อเสนอดังกล่าวมี 5 เรื่องเร่งด่วน ที่ควรเร่งผลักดันเสนอให้รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งจะทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ในช่วงการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนี้
1)ปรับปรุงกฎหมายบริษัทเพื่อส่งเสริมให้ ว่าด้วยการกำกับดูแลองค์กรทางธุรกิจ SMEs และ Startup สามารถระดมทุน และดึงดูดคนมีความสามารถมาสร้างนวัตกรรมต่าง ๆในประเทศไทย เช่น แก้ไขเรื่องการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ การออกหุ้นให้พนักงาน (ESOP) รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวกับวีซ่าและ work permit ของต่างชาติที่จะสร้าง startup
2)ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมืองและการทำงานของคนต่างด้าว ให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานของประเทศ รวมทั้งเอื้ออำนวยให้คนต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถได้เข้ามาสร้าง startup และนวัตกรรมในประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขประเภทของวีซ่าและขั้นตอนการควบคุมตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
3)ปรับปรุงมาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว (โรงแรม สถานบริการ มัคคุเทศก์) ให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ homestay long-stay
4)ปรับปรุงมาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจ และตัดปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ
5)ปรับปรุงหลักการกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลการค้าของเก่าและในส่วนที่เกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ (reuse and recycle) เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการจัดการภาวะโลกร้อนและการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบกับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีสินค้าของไทยจะไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันคณะอนุกรรมการฯ มีแนวคิดในการจัดทำ Master Plan การปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนทั้งระบบ โดยจะขอความร่วมมือภาคธุรกิจในแต่ละ Sector ในฐานะผู้ที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขภาครัฐ ให้ช่วยสะท้อนความคิดเห็นและความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับแก้ไขในประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นแผนแม่บทหลักที่จะนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาต่อไป
“ภาคเอกชนต้องขอชื่นชมหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งที่ได้มีการเร่งปรับปรุงกฎ ระเบียบ และการพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ให้มีความทันสมัยและรวดรวดยิ่งขึ้น โดภ โดย อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำรางวัลผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและหน่วยงานที่มีความโดดเด่นด้านการอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ ในรูปแบบเช่นเดียวกับรางวัลเลิศรัฐ โดยจะใช้เกณฑ์และมาตรฐานในการประเมินตัดสินจากภาคธุรกิจ ซึ่งจะสะท้อนการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจและการแก้ไขกฎเกณฑ์ที่ล้าสมัย (Ease of Doing Business /Guillotine) อย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นการให้กำลังใจและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ” นายสนั่น กล่าว
อนึ่ง กระบวนงาน* คือ การดำเนินการของภาครัฐแต่ละขึ้นตอนที่เป็นองค์ประกอบของการอนุญาต การจดทะเบียน การขึ้นทะเบียน หรือการกระทำอื่นใดที่กำหนดให้ประชาชนต้องปฏิบัติตาม เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม มีกระบวนงาน เช่น 1) การยื่นขออนุญาต 2) การออกใบอนุญาต 3) การตรวจสอบสถานที่ 4) การขอต่ออายุใบอนุญาต 5) การโอนใบอนุญาต และ 6) การเลิกกิจการ ซึ่งในการดำเนินการขับเคลื่อนปลดล็อก จะมีการพิจารณาปรับปรุงทั้งในภาพรวมของกิจกรรมที่เป็นอุปสรรคและกระบวนงานแยกย่อยในแต่ละกิจกรรมนั้น เพื่อให้การดำเนินการมีความครบถ้วนและละเอียดรอบคอบ