จากสถานการณ์ราคาสินค้า ที่ปรับตัวสูงหลายรายการ โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารสดในปีที่ผ่านมาส่งผลให้ เป็นตัวกดดันดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ บอกว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวสูงถึง 3.23% จาก 2.17% ในเดือนก่อนหน้า
มาจากปัจจัยของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นหลักที่กระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้สินค้าหมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหาร สูงขึ้น โดยเฉพาะพลังงาน สูงขึ้นถึง 19.22% ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอก ที่กระทบอัตราเงินเฟ้อ ในหลายประเทศให้สูงขึ้นเช่นกัน อย่างสหรัฐฯ สูงถึง 7% , อังกฤษ สูงขึ้น 5.59% , อินเดีย สูงขึ้น 5.59% , มาเลเซีย สูงขึ้น 3.2% และสิงคโปร์ สูงขึ้น 4% สะท้อนให้เห็นว่า เงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก
รวมทั้งสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นเล็กน้อยที่ 2.39% โดยเฉพาะอาหารสด สูงขึ้น 3.05% ทั้งเนื้อหมู น้ำมันพืช และอาหารบริโภึในบ้านและนอกบ้าน จากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ถือเป็นปัจจัยที่รองลงมา ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อมากนัก
โดยราคาสินค้าและบริการ ที่นำมาคำนวณเป็นอัตราเงินเฟ้อ จำนวน 430 รายการ มีสินค้า ที่ปรับ ราคาสูงขึ้น 242 รายการ เช่น ข้าวเหนียว เนื้อหมู ที่สูงขึ้นถึง 29.90% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื้อไก่ ไข่ไก่ และอาหารสำเร็จรูป ส่วนราคาไม่เปลี่ยนแปลง 64 รายการ และสินค้าที่ราคาลดลง 124 รายการ เช่น ผักคะน้า ผักชี ค่าเช่าบ้าน และค่าธรรมเนียมการศึกษา
สำหรับเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นตั้งแต่เดือนแรกของปีนี้ ยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เป็นเงินเฟ้อแบบอ่อน เป็นอัตราที่สูงเกิน 3% นับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว (2564) ที่สูงถึง 3.41% แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลง แม้จะเป็นสัญญาณในขาขึ้น ที่จะต้องติดตามต่อเนื่อง และต้องดูในระยะยาว 6 เดือนว่าจะปรับสูงขึ้นต่อไปอีกหรือไม่ หรือ มีการขึ้นเร็วกว่าปกติภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่ขณะนี้ยังถือว่าสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่ภาครัฐ ยังไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายมาดูแลอัตราเงินเฟ้อ
ส่วนแนวโน้มในปี 2565 กรอบที่คาดการณ์ไว้ อัตราเงินเฟ้อจะเฉลี่ยที่ 0.7 - 2.4% แต่จะต้องมีการประเมินสถานการณ์ในทุกไตรมาส เนื่องจากปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจากกรอบที่คาดไว้ ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย 63-73 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลเท่านั้น รวมทั้งต้องพิจารณามาตรการรัฐ ที่จะเข้ามาช่วยลดค่าครองชีพผู้บริโภคประกอบกันด้วย