ข่าวดีวันนี้ “ยางแผ่นดิบ” ทะลุ 60 บาท/กก. เป็นวันแรก

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565  การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดงาน "Talk About Rubber"  ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565  แนวทางการบริหารงาน ของ กยท. เข้าสู่การเป็นองค์กรดิจิตอล โดยมี แอพพลิเคชั่น Mobile Application ที่ใช้บน Smart Device ที่เข้าถึงผู้ใช้งานทุกฝ่าย และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด  “RUBBER WAY”  พร้อมกับการเปิดตัว

                               

 

นางสาวอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย กล่าวถึง สถานการณ์และราคายาง ในไตรมาสที่ 1/2565  กล่าวว่า วันนี้ ราคายางแผ่นดิบ  60.06 บาท/กิโลกรัม  สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อราคายางผลผลิตยาง ในปี 2565 จะมีผลผลิตยางประมาณ 4.905 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.82%  แต่ช่วงไตรมาสที่  1 คาดว่าจะมีผลผลิต 1.186 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.35% โดยในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 0.387 ล้านตัน และ 0.142 ล้านตัน ตามลำดับ

 

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตยางลดลงในไตรมาสนี้ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดกรีด (พื้นที่สวนยางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก คาดว่าจะเริ่มปิดกรีดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์) ประกอบกับสถานการณ์โรคใบร่วงในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 1 ล้านไร่ จึงส่งผลให้ผลผลิตยางออกสู่ตลาดลดลง

 

 

สำหรับในการส่งออกยางและสต๊อกยาง คาดว่าในปี 2565 จะมีการส่งออกยาง 4.218 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.03% โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 คาดว่าจะมีการส่งออกยางประมาณ 1.107 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.29% ในขณะที่สต็อกยางมีแนวโน้มลดลง จากปริมาณสต็อกชินเต่าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนให้การส่งออกเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ในตัวชี้วัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยาง เศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยางทั้ง สหรัฐ  ญี่ปุ่น EU ยังคงขยายตัว ดัชนี PMI ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำ GDP ประเทศสหรัฐอเริกา ญี่ปุ่น EU ยังคงขยายตัวอยู่เหนือระดับ 50 ส่วนประเทศจีนถึงจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 แต่ก็ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน

 

ส่วนอุตสาหกรรมยางล้อเพิ่มการผลิตสูงขึ้น ยอดขายรถยนต์ในปี 2564 มี 77.747 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะจีนยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 4.3% -- ดังนั้นจึงคาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคมราคายางยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

คาดการแนวโน้มยางพาราปี 2565   คาดการณ์ของ ANRPC  คาดว่าจะมีการผลิตทั้งโลกประมาณ 14.554 ล้านตัน และคาดว่าปริมาณการใช้จะอยู่ที่ 14.398 ถึง 14.822 ล้านตัน ภายใต้สมมติฐานว่าการใช้จะขยายตัวร้อยละ 2-5 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในปี 2565 คาดว่าการผลิตน้อยกว่าปริมาณความต้องการใช้ยาง จาก  ฤดูกาลและสภาพอากาศ ประเทศจีนเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรที่มีสวนยางในมณฑลยูนนาน และมณฑลไห่หนาน จึงหยุดกรีดยางแล้ว

 

 

การแพร่ระบาดของ COVID- 19 ทำให้มีความต้องการใช้ถุงมือยางและชุด PPE มากขึ้น รวมทั้งกระแสการลดโลกร้อน ทำให้มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ฟ้าในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นและความต้องการยางล้อสำหรับรถไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นด้วย

 

เศรษฐกิจจีนเติบโต มีการขยายโรงงาน มีการลงด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งานโลจิสติกส์ การเปิดใช้เส้นทางรถไฟ จีน – ลาว ในอนาคต เป็นโอกาสของการส่งออกยางทางรถไฟ ใช้เวลาจากลาวไปจีน ประมาณ 3 วัน จากเดิมขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังถึงชินเต่าใช้เวลาประมาณ 14-16 วัน  เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพารา อาทิเช่น ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง สายยางในปริมาณเพิ่มมากขึ้น

 

สำหรับความท้าทายของยางพาราในปี 2565  การแพร่ระบาดของ Covid -19 ทั่วโลก ล่าสุดสายพันธุโอไมครอนระบาดในหลายพื้นที่จีนนโยบายการลดคาร์บอนและการลดการใช้พลังงานของจีน อาจทำให้โรงงานผลิตชะลอการผลิต ผลิตไม่เต็มที่ เพื่อรักษาระดับการปล่อยคาร์บอนการขาดแคลนชิป Semiconductor ส่งผลต่อปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ต้นทุนการขนส่งที่แพงขึ้น การเคลียร์สินค้าช้ากว่าปกติ ส่งผลต่อ Supply Chain

 

 

นอกจากนี้ โครงกรชะลอขายยางเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง การยางแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการชะลอในปี 64 ทำให้ราคายางก้อนถ้วยค่อนข้างมีเสถียรภาพ ดังนั้นปีนี้จึงขยายไปยังยางชนิดอื่น ทั้ง น้ำยางสด ยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควัน

 

 

ด้านนายณกรณ์  ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)  กล่าวว่า  การจัดงานนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วจะพบกันอย่างนี้ในทุกไตรมาส เพื่อที่จะได้อัพเดทข่าวสาร ราคา รวมทั้งกิจกรรมต่าง ของ กยท. ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละช่วงไตรมาส ก็จะมีทั้งเรื่องสถานการณ์ราคายางพารา และการนำเทคโนโลยีของดิจิตอลนำมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานของ กยท.

 

เป็นโครงการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของยางธรรมชาติในประเทศไทย (RUBBER WAY)  เป็นความร่วมมือระหว่าง กยท.กับ บริษัท RUBBER WAY PTE Ltd. โดยมีบริษัทผู้ผลิตล้อยางรายใหญ่ของโลกให้การสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มมิชลินและคอนติเนนเทิล โดยใช้แอพพลิเคชั่น RUBBER WAY เป็นเครื่องมือในการสำรวจข้อมูล เพื่อนำมาจัดทำแผนที่ประเมินความเสี่ยง ด้านความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของ Supply Chain

 การวิเคราะห์ผลประเมินความเสี่ยง พร้อมเสนอแนวทางในการแก้ไขและจัดการความเสี่ยงที่ตรวจพบ เพื่อให้มีแนวทางในการพัฒนายางพาราสู่ความยั่งยืนตามความต้องการของผู้ใช้ยางหลักของโลก รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการจำหน่ายยางตรงสู่ผู้ผลิตยางล้อ

 

“RUBBER WAY” คือ นวัตกรรม แอพพลิเคชั่นมือถือที่ใช้สำรวจและจัดทำแผนที่ประเมินความเสี่ยงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทานของยางธรรมชาติ ใช้ระบบดิจิทัล ช่วยให้โรงงานแปรรูปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานแบบสอบถาม โดยใช้ งบประมาณในปี 2565 จำนวน 3.7 ล้านบาท

 

“RUBBER WAY” มีการประเมินความเสี่ยง 4 ด้าน ประกอบด้วย

 

1.การให้ความเคารพต่อบุคคล ในเรื่องของการจ้างงาน ค่าจ้าง แรงงาน ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย รวมถึงระบบการร้องเรียน

 

2.การดูแลสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและการรักษาป่า และการครอบครองที่ดิน

 

3.การอบรมด้านการเกษตร

 

4.ความโปร่งใสในการค้า

สำหรับการดำเนินงานปี 2565 กยท. มีแผนการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่พนักงาน กยท.ทั้ง 7 เขต จำนวน 700 คน และดำเนินการสำรวจข้อมูลของเกษตรกรชาวสวนยางโดยตั้งเป้า จำนวน 155,348 ราย ให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 46,604 ราย (ร้อยละ 30 ของกลุ่มเป้าหมาย) ปี 2566 สำรวจเกษตรกร 108,744 ราย (ร้อยละ 70 ของกลุ่มเป้าหมาย)

 

สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์ราคายางพารา ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565  ราคายางแผ่นดิบ ทะลุ 60 บาท/กก. เป็นวันแรกแล้ว