วันนี้ 21 กุมภาพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กำหนดจัดประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ประมูลคลื่นทั้งสิ้น 71 คลื่นความถี่
การประมูลคลื่นความถี่ออกเป็น 4 รอบดังนี้
สำหรับราคาเริ่มต้นการประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงในครั้งนี้ ได้มีการคำนวณโดยคำนึงถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครฯและปริมณฑล มีราคาเริ่มต้นการประมูลสูงสุดอยู่ที่ 54,8300,000 บาท ส่วนพื้นที่ให้บริการในเขตภูมิภาคราคาเริ่มต้นการประมูลต่ำสุดคือ 105,000 บาท โดยการเสนอราคาแต่ละคลื่นจะแปรผันไปตามมูลค่าคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง โดยการเสนอราคาต่อครั้งสูงสุดคือ 500,000 บาท และต่ำสุดคือ 4,000 บาท เบื้องต้นคาดว่าการประมูลครั้งนี้จะสร้างรายได้จากการประมูล ประมาณไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้ เงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่หลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูล จะนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
นายนที ศุกลรัตน์ คณะกรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า การประมูลครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่กิจการวิทยุจะเข้าสู่ระบบใบอนุญาตถึงปี 2567 จำนวนคลื่นความถี่ที่ประมูลมีจำนวน 74 คลื่นความถี่ แต่มีผู้ประกอบการสนใจเข้าประมูล 71 คลื่นความถี่เท่านั้น คาดว่าจะได้เงินเข้าประมูลอย่างน้อยสุด 400 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนคลื่นที่เหลืออีกจำนวน 3 คลื่นความถี่ที่ไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอจะนำเข้าที่ประชุมบอร์ด กสทช.เพื่อกำหนดนโยบายจะประมูลต่อหรือไม่
“ที่ กสทช.ต้องประมูลในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากว่าคลื่นวิทยุที่จะสิ้นสุดสัมปทานในวันที่ 3 เมษายน 2565 ถ้าไม่ดำเนินการในตอนนี้ก็ต้องปิดระบบ หลังจากได้ผู้ประมูลแล้วในวันที่ 4 เมษายน 2565 กสทช.ดำเนินการคุ้มครอง เข้าสู่ระบบใบอนุญาตเป็นระยะเวลา 7 ปี" นายนที กล่าว
สำหรับการประมูลจะแบ่งเป็น 4 รอบ รอบละ 60 นาที
เอกชนที่เข้าร่วมประมูล