รัฐบาลสหรัฐฯประกาศจะร่วมมือกับชาติพันธมิตรตะวันตก ในการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ และส่งกองกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซียเพื่อให้แยกตัวออกจากยูเครน ขณะทั่วโลกจับตารัสเซียอาจบุกโจมตียูเครนในอีกไม่ช้า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หากการเจรจาของรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผู้นำหลายชาติพยายามช่วยไกล่เกลี่ยเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้รัสเซียบุกยึดยูเครนไม่ประสบผลสำเร็จ และรัสเซียเดินหน้าบุกยึดยูเครนจริงจะส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยุโรปพึ่งพาพลังงานน้ำมันและแก๊สจากรัสเซีย โดยเฉพาะแก๊สมากกว่า 40% ที่ยุโรปใช้ต่อท่อไปจากรัสเซีย หากมีการสู้รบกันเกิดขึ้นราคาน้ำมันในตลาดโลกจะพุ่งสูงขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลแน่นอน รวมถึงราคาแก๊สจะปรับตัวสูงขึ้น เพราะเส้นทางการส่งแก๊สทางท่อจากรัสเซียไปยุโรปอาจสะดุดลง
ขณะผลกระทบต่อไทย คือ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศอาจปรับตัวสูงขึ้นอีก เพราะน้ำมันมากกว่า 80% ของความต้องการใช้ต้องพึ่งพาการนำเข้า ล่าสุดจากที่รัฐบาลได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร และปรับลดราคาน้ำมันดีเซลจาก 29.94 บาทต่อลิตร ลงเหลือ 27.94 บาทต่อลิตร(หรือปรับลดลง 2 บาทต่อลิตร อีก 1 บาทจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตนำไปสมทบเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง) จากก่อนหน้านี้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยูที่ลิตรละ 5.99 บาท ปรับลดภาษีไปแล้ว 3 บาทต่อลิตร
หากที่สุดแล้วราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทะละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล (จากปัจจุบันอยู่ที่ 93-94 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล) และกระทบราคาน้ำมันในประเทศต้องปรับขึ้นตาม รัฐบาลอาจประกาศปรับขึ้นราคาดีเซล เช่นขึ้นไปที่ 29.94 บาทตามเดิม โดยตรึงไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรตามที่รับปากทุกภาคส่วนไว้
นอกจากนี้หากรัสเซียบุกยูเครนจริงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวลงหากมีหลายประเทศเข้าร่วมเหตุการณ์และเกิดความรุนแรงบานปลายขยายวง จะกระทบการค้าไทย-รัสเซีย และการค้าไทย-ยูเครนที่จะชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากรัสเซียจะถูกสหรัฐฯและชาติพันธมิตรในยุโรปคว่ำบาตร หรือแซงก์ชั่นทางเศรษฐกิจ ทำให้การค้าไทย-รัสเซียมีอุปสรรคในเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งการหาธนาคารรับรอง การเปิดแอล/ซี การชำระเงิน การโอนเงินต่าง ๆ เหมือนที่รัสเซียเคยถูกแซงก์ชั่นมาแล้วในอดีต
ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุในปี 2564 การค้าไทย-รัสเซีย และไทย-ยูเครนมีมูลค่ารวม 100,595 ล้านบาท แบ่งเป็น การค้าไทย-รัสเซียมีมูลค่ารวม 88,167.32 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.56% โดยไทยส่งออก 32,507.68 บ้านบาท เพิ่มขึ้น 44.90% และนำเข้า 55,659.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.07% ไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย 23,151.97 ล้านบาท
สินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทยไปรัสเซีย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่อง, ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก
ส่วนสินค้านำเข้า 5 อันดับแรกของไทยจากรัสเซียได้แก่ น้ำมันดิบ, ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์, เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์, สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ
ขณะที่การค้าไทย-ยูเครน ปี 2564 มีมูลค่ารวม 12,428.42 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28.67% โดยไทยส่งออก 4,228.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.36% และนำเข้า 8,199.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.60% ไทยขาดดุลการค้ายูเครน 3,970.86 ล้านบาท
ทั้งนี้สินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทยไปยูเครน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป, อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป และเม็ดพลาสติก
ส่วนสินค้านำเข้า 5 อันดับแรกของไทยจากยูเครน ได้แก่ พืช และผลิตภัณฑ์จากพืช, เหล็ก เหล็กกล้า, ไม้ซุง ไม้แปรรูป, แร่ และผลิตภัณฑ์จากแร่ และสินแร่โลหะอื่น ๆ