นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในขณะนี้ ว่า ในกรณีเลวร้ายสุดอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบให้ขยับตัวขึ้นไปได้ที่ระดับ 140 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล เพราะในอดีตราคาก็เคยขยับขึ้นไปถึงระดับดังกล่าวมาแล้ว แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นตามพื้นฐานของตลาด
ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นจริง และสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นเวลานาน จะเป็นโอกาสของประเทศผู้ผลิตหลายประเทศที่มีกำลังการผลิตเหลืออยู่ ทั้งที่เป็นโอเปค และไม่ใช่โอเปค
รวมถึงสหรัฐฯ อาจจะกลับมาผลิตทดแทนรัสเซียได้ ซึ่งจะทำให้ราคาไม่กระโดดไปมากนักจนถึงระดับ 140 เหรียญฯก็เป็นไปได้ โดยก็ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากหลายประเทศที่เป็นผู้ผลิตก็อาจจะมองว่าราคาสูงก็น่าจะดี
ในความเป็นจริงราคาน้ำมันตามกลไกลของตลาดพื้นฐานก็ไม่ควรที่จะสูงถึงในระดับปัจจุบันอยู่แล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเกิดขึ้น โดยต้องเรียนว่าเวลานี้คงเดาได้ยากว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรต่อ จะยืดยื้อ เกิดความรุนแรง
และจะจบลงแบบไหน เพราะรัสเซียเองก็เป็นผู้เล่นในตลาดที่สำคัญทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายจะต้องจับตา
"เวลานี้คงไม่มีใครระบุได้ชัดว่าเหตุการณ์ในระยะต่อไปจะเป็นอย่างไร หรือราคาน้ำมันจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับไหน คงบอกได้แค่เพียงว่ายิ่งรุนแรงมากก็ยิ่งขึ้นมาก การส่งก๊าซธรรชาติ หรือการขายน้ำมันของรัสเซียซึ่งโดนบทลงโทษ (Sanction) อยู่แล้วก็จะยิ่งทำให้ปริมาณน้ำมันของโลกลดลงไปอีก ซึ่งอาจจะไม่ได้มาจากสู้รบโดยตรง แต่มาจากการคว่ำบาตรของหลายประเทศ โดยจะตัดน้ำมัน และก๊าซฯออกไปโดยปริยาย"
อย่างไรก็ดี หากถามว่ากระทรวงพลังงานของไทยจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรหรือไม่ ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า เวลานี้เรื่องราคาก็ได้มีเตรียมตัวอยู่แล้ว ในส่วนของทางด้านภาษีที่เริ่มปรับดลลงในส่วนของน้ำมันดีเซล และกำลังพิจารณาว่าในส่วนของเบนซินจะมีการช่วยเหลืออะไรได้อีกบ้าง
ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะปัจจุบันก็กู้มาแล้วจนเต็มพิกัด ดังนั้น ก็คงต้องจับตาแค่เพียงว่าจะเกิดวิกฤติการณ์การขาดแคลนน้ำมันหรือไม่ เนื่องจากหากมีการสู้รบกันอย่างหนักก็จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันของโลกได้
โดยไม่รู้ว่าเป็นโชคดี หรือโชคไม่ดีที่แหล่งนำเข้าน้ำมันของไทยอยู่ในตะวันออกกลางเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบโดยตรง ทำให้อาจจะได้รับผลกระทบไม่มากในแง่ของปริมาณน้ำมันในตลาด แต่ราคาได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยปัจจุบันราคาก็ขยับตัวขึ้นไปถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล