นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจดาวเด่นที่น่าสนใจจากคลังข้อมูลธุรกิจของกรมฯ พบว่า ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของเป็นธุรกิจดาวเด่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของเติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยนิยมสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เป็นผลมาจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ทำได้ง่ายผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ระบบขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งธุรกิจฯ ยังคงดึงดูดผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องผ่านการทำโปรโมชันต่างๆ เพื่อสร้างและขยายฐานลูกค้า ระบบการจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและมีความสะดวก นอกจากนี้ ถึงแม้ว่ามาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของภาครัฐจะผ่อนคลายลง แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงป้องกันตัวเองด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงพึ่งพาการใช้งานการขนส่งแบบเดลิเวอรี ทำให้ธุรกิจมีมูลค่าการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา
“ผู้ประกอบการไทยที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของเป็นอันดับ 1 ด้วยเงินลงทุน 4,702.58 ล้านบาท (95.47%) ชาวต่างชาติยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน โดยนักลงทุนชาวจีนเข้ามาลงทุนสูงสุด ด้วยเงินลงทุน 65.70 ล้านบาท (1.33%) ตามมาด้วย ฮ่องกง 18.41 ล้านบาท (0.37%) เยอรมัน 13.77 ล้านบาท (0.28%) สัญชาติอื่นๆ 125.12 ล้านบาท (2.55%)”
นอกจากการจะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าสู่ธุรกิจฯ เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจึงมีตัวเลือกที่หลากหลายในการเลือกใช้บริการ ทำให้อัตราการแข่งขันของผู้ประกอบการมีสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งการแข่งขันด้านราคา การขยายสาขาเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า การยกระดับคุณภาพการให้บริการทั้งความรวดเร็วในการส่งสินค้าและการรักษาสินค้าไม่ให้เกิดการสูญหายหรือเสียหายจากการขนส่งเพื่อรักษาฐานลูกค้า อีกทั้ง ยังพบปัญหาการแย่งชิงพนักงานขนส่งสินค้า ยิ่งในช่วงนี้ที่พนักงานส่วนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องคำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ด้วย จากปัจจัยที่กล่าวมาส่งผลให้ธุรกิจมีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ประสบภาวะขาดทุนในระยะหนึ่ง แต่จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างความแข็งแกร่งผ่านฐานลูกค้าที่เชื่อมั่นในธุรกิจที่มากขึ้น ส่งผลดีและผลกำไรที่เป็นบวกในระยะยาว
“ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ ยังคงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเข้ามาลงทุน จากปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าที่มีเพิ่มขึ้น และจากรายได้รวมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่มั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และใช้บริการขนส่งสินค้ามากขึ้น จึงเป็นโอกาสของธุรกิจฯ ที่จะเติบโตได้ดีในอนาคต”
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2565) มีธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย จำนวน 1,324 ราย คิดเป็น 0.16% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ และมีมูลค่าทุนรวม 4,925.58 ล้านบาท คิดเป็น 0.02% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด จำนวน 837 ราย (63.22%) มูลค่าทุน 890.00 ล้านบาท เป็นธุรกิจที่มี *ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,104 ราย *ทุนฯ 1.01 - 5.00 ล้านบาท จำนวน 189 ราย *ทุนฯ 5.01 - 100 ล้านบาท จำนวน 27 ราย *มากกว่า 100 ล้าน จำนวน 4 ราย พบว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มากที่สุด 1,280 ราย (96.68%) ธุรกิจขนาดกลาง (M) 29 ราย (2.19%) และธุรกิจขนาดใหญ่ (L) 15 ราย (1.13%)
ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 449 ราย (33.91%) ทุนจดทะเบียนรวม 3,783.88 ล้านบาท (76.82%) อันดับ 2 ภาคกลาง 276 ราย (20.84%) อันดับ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 228 ราย (17.22%) อันดับ 4 ภาคใต้ 142 ราย (10.73%) อันดับ 5 ภาคเหนือ 115 ราย (8.69%) อันดับ 6 ภาคตะวันออก 104 ราย (7.85%) และลำดับ 7 ภาคตะวันตก 10 ราย (0.76%)