นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งยังคงเกาะติดสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างใกล้ชิด ได้แสดงมุมมองผ่านบทความ“เฝ้าระวังมหาวิกฤตเศรษฐกิจ” โดยวันนี้ ( 3 มี.ค.65 ) เป็นตอน 23 ผ่านเพจส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala ระบุตอนหนึ่งว่า
สงครามทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น และกำลังลามกระทบไปกระทบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
สหรัฐและยุโรปจับมือกัน เพื่อแซงชั่นรัสเซีย แต่ก็ได้ยกเว้นรายการซื้อขายเกี่ยวกับพลังงาน ไม่ต้องถูกแซงชั่น
และเจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่ง ก็ให้ข่าวชัดเจนว่า ถึงแม้ต่อไปอาจจะเปลี่ยนแปลงแซงชั่นในอนาคต แต่ก็จะไม่ขยายไปถึงพลังงาน
ในสุนทรพจน์ State of the nation ไบเดนก็ย้ำนโยบายที่จะคุมเงินเฟ้อ โดยจะควักเอาสต๊อคน้ำมันฉุกเฉินออกมาขายอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ถึงแม้สหรัฐไม่ต้องการให้แซงชั่นลามไปถึงพลังงาน แต่ภาคธุรกิจก็หวาดระแวง และไม่กล้าซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
ผู้นำเข้ากลัวว่า ถ้าทำสัญญาซื้อไปแล้ว ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่า จะสามารถขายต่อไปให้แก่โรงกลั่นได้ โดยไม่ติดแซงชั่น
ดังนั้น (รูปบน ) : ราคาน้ำมัน Urals ของรัสเซียขณะนี้ จึงต่ำกว่าราคา Brent (ในทะเลเหนือของยุโรป) เฉลี่ย 15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้ว โดยต่ำสุดถึง 18.60 ดอลลาร์
รัสเซียส่งออก 7.5% ของตลาดน้ำมันโลก และเมื่อน้ำมันรัสเซียหายไปจากตลาดตะวันตก อีก 1-2 เดือน ก็น่าจะดันให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้นไปอีก
แต่สงครามกำลังลามเข้าไปกระทบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
รัสเซียกับยูเครนรวมกัน ส่งออกอาหารประเภท grains มากถึง 1 ใน 4 ของตลาดโลก
(รูปล่าง )โรงงานผลิตอาหารสัตว์ในไทย เตรียมหยุดสายการผลิตชั่วคราว เพราะขาดวัตถุดิบ
ข่าวระบุว่า รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีรวมกันราว 29% ของโลก และส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงถึง 19%
สงครามยังทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย พุ่งสูงกว่าตลาดโลกไปอยู่ที่ 12 บาท/กก. และมีแนวโน้มขยับต่อเนื่องไปถึง 15 บาท/กก.
แม้จะราคาแพง แต่ก็ไม่มีผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาดแล้ว จากความต้องการใช้ข้าวโพดทั้งหมด 7.98 ล้านตัน ยังขาดแคลนถึง 3.18 ล้านตัน
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบทดแทน คือ ข้าวสาลี แต่เอกชนไทย ก็ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ เนื่องจากมีอุปสรรค จากมาตรการ 3:1 ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์บังคับ ให้ต้องซื้อผลผลิตข้าวโพดในไทย 3 ส่วนก่อน จึงจะนำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วน
แต่ในเมื่อไม่มีข้าวโพดในประเทศให้ซื้อ จึงทำให้โรงงานอาหารสัตว์ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้
น่าแปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่สนใจปรับปรุงแก้ไขกติกาให้ทันสถานการณ์
สรุปแล้ว ทั่วโลกและไทยกำลังจะเผชิญราคาอาหารที่สูงขึ้นฉับพลัน ควบคู่ไปกับราคาพลังงาน
และถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังหลับๆ ตื่นๆ ไม่คิดดักทางปัญหาล่วงหน้า เอาแต่เดินตามอาการ ตามหลังหนึ่งก้าว เหมือนการแก้โควิด
คนไทยก็คงจะเดือดร้อนหนัก! รักสงบ จบเห่!