GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 14 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 500 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 136 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 133 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 94 จุด พื้นที่เขตสปก. 77 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 55 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 5 จุด
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดทางภาคเหนือยังคงเป็น #แม่ฮ่องสอน 81 จุด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะอยู่ที่ #สกลนคร 46 จุด และ #อุบลราชธานี 38 จุด ตามลำดับ จากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในบริเวณตอนบนของประเทศ นำโดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งวันนี้พบ 284 จุด และภาคเหนือ156 จุด
คาดว่าน่าจะเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร และการเผาเพื่อเข้าไปหาของป่า/ล่าสัตว์ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม – 14 มีนาคม 2565 พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 11,233 จุด ตามด้วยภาคเหนือ 9,353 จุด และภาคกลาง 5,671 จุด
ส่วนเช้าวันนี้เวลา 09.00 น. หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อยู่ในระดับที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพไปจนถึงมีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนพบค่าคุณภาพอากาศ 100 Aqi ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดหนองคาย พบค่าคุณภาพอากาศ 113 Aqi ซึ่งถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ครองแชมป์ต่อเนื่องวันที่ 16 ซึ่งวันนี้พบ 2,896 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 2,114 จุด และอันดับที่ 3 เป็นราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 820 จุด ตามลำดับ
ข้อมูลจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THOES-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ สามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่