นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อํานวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร หรือ “เจ้าพระยา 2” ว่า การก่อสร้างยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีความก้าวหน้ามากกว่า 20% ของโครงการแล้ว และน่าจะดำเนินการเสร็จได้ตามแผน ปี 2566
โครงการนี้ เป็นคลองระบายน้ำที่ก่อสร้างขึ้น เพื่อเบี่ยงน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนเจ้าพระยาเลี่ยงตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา จะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยซํ้าซาก ลดระดับน้ำท่วมในพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างได้เป็นอย่างดี
สำหรับข้อมูลของโครงการ มีดังนี้
ผลที่คาดว่าจะได้รับหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น มีดังนี้
“การก่อสร้างขณะนี้คืบหน้ามากกว่า 20% โดยการก่อสร้างไม่น่าจะมีปัญหา หากก่อสร้างเสร็จ จะช่วยแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ ทั้งเรื่องของน้ำท่วม หรือจะสามารถเพิ่มการระบายน้ำได้ถึง 2,930 ลบ.ม.ต่อวินาที ริมฝั่งเจ้าพระยาตอนล่าง จะสามารถระบายน้ำลงทะเลได้เร็วขึ้น ลดผลกระทบน้ำหลากต่อประชาชนน้อยลง”นายเสริมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล – บางไทร เป็นแผนงานในลำดับที่ 7 ของแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประกอบด้วยแผนงานทั้งหมด 9 กลุ่มแผนงาน ซึ่งการก่อสร้างแนวคลองระบายน้ำหลากตัดผ่านพื้นที่ชุมชน
ส่งผลให้ที่ดินของประชาชนถูกเขตพื้นที่ก่อสร้าง ทำให้มีการปรับลดแนวคลองในบริเวณที่ตัดผ่านชุมชนเพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่น้อยที่สุด รวมถึงดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหา
ส่วนผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ต้นทุนพลังงาน ค่าแรงงาน ค่าเหล็ก หรือวัสดุก่อสร้าง มีการปรับเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีผลกระทบมาก เพราะการก่อสร้างโครงการชลประทานเฟสใหม่ที่ยังไม่มีการก่อสร้าง จะไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ อีกทั้งรัฐบาลยังพยายามตรึงราคาพลังงาน ส่งผลให้ในปี 2565 ต้นทุนการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก