นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วม 3 สมาคมผู้ผลิต ผู้จำหน่ายและนำเข้าปุ๋ยเคมี ประกอบด้วย สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ว่าการประชุมวันนี้เพื่อประเมินปริมาณปุ๋ยเคมีและหาแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกเดือนพฤษภาคม โดยปริมาณปุ๋ยที่มีอยู่ในขณะนี้เอกชนยืนยันว่ามีเพียงพอต่อการผลิตใน2-3 เดือนนี้เท่านั้น
และจะมีการสั่งนำเข้าเพิ่มเติมเป็นระยะตั้งแต่ปุ๋ยสูตรหลัก เช่นยูเรียโปรแตส และฟอสเฟสเพื่อเตรียมไว้ให้เพียงพอ
ทั้งนี้ผู้ผลิตระบุว่าการนำเข้าปุ๋ยขณะนี้มีอุปสรรคจากสงครามยูเครนและรัสเซียทำให้ต้องหาปุ๋ยจากแหล่งใหม่ทดแทนขณะเดียวกันต้นทุนก็สูงขึ้นด้วยเพราะหลายประเทศมีการสำรองปุ๋ยไว้ในประเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ขณะที่ประเทศอินเดียก็เตรียมเปิดประมูลซื้อปุ๋ยยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาปุ๋ยสูงขึ้นในตลาดโลก
ทั้งนี้กรมการค้าภายในจะพิจารณาการปรับราคาปุ๋ยเพื่อให้สะท้อนต้นทุนและป้องกันปุ๋ยขาดแคลนซึ่งเอกชนสามารถยื่นขอปรับราคาได้โดยกรมการค้าภายในจะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยคือเกษตรกรไม่แบกรับภาระเกินไป/ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้และต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อประชาชนทั้งนี้หากพบว่ามีผู้แทนจำหน่ายรายใดฉวยโอกาสปรับราคาปุ๋ยสมาคมจะตัดจากการเป็นผู้แทนจำหน่าย
ด้านนายเทพวิทย์ เตียวสุรัตน์กุล อุปนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย ระบุว่าสถานการณ์ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นมากโดยราคาปุ๋ยยูเรียราคาจากตะวันออกกลางราคาเอฟโอบีไม่รวมค่าเรืออยู่ที่ตันละ960-1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปุ๋ย18-46-0 ที่นำมาผลิตวัตถุดิบแม่ปุ๋ย NPK ตันละ1100-1200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันและสูตร0-0-60 โปแตสอยู่ที่ 950-1000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ซึ่งราคายูเรียเพิ่ม200% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นการอนุญาติให้ปรับราคาตามต้นทุนทำให้เอกชนมีความมั่นใจในการนำเข้ามากขึ้นและเชื่อว่าปุ๋ยจะไม่ขาดตลาด ทั้งนี้ประเมินว่าในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก4 เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมความต้องการใช้ปุ๋ยจะอยู๋ที่2.5 ล้านตันจากปริมาณการนำเข้าปีละ5 ล้านตัน