“ร้อน-แล้ง”ซ้ำเติมผลผลิตไข่ไก่วูบ เกษตรกรถอดใจเลิกอาชีพแล้ว 10%

01 เม.ย. 2565 | 11:37 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2565 | 18:46 น.

ผู้เลี้ยงไก่ไข่ระทม อากาศร้อน-แล้ง ทำผลผลิตเสียหาย-ปริมาณน้อยกว่าปกติ ถอดใจเลิกอาชีพแล้ว 10 % ร้องรัฐปล่อยราคาตามกลไกตลาด หลังต้นทุนหลักวัตถุอาหารสัตว์สูงเป็นประวัติการณ์

 

นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เผยว่า ปัญหาสภาพอากาศร้อน-แล้งในเวลานี้ ส่งผลให้แม่ไก่เครียด  กินอาหารน้อย  แม่ไก่จะมีไข่ไก่แตกในท้อง  และมีไก่ตายวันละ 5-10 ตัว  เปอร์เซ็นต์ไข่ที่ได้จะลดลงประมาณ 10-15 % คือ จากที่เคยมีอัตราการให้ไข่เฉลี่ยที่ 80 % เหลือเพียง 60-65 %   ส่งผลให้มีเปอร์เซ็นต์ไข่ที่ได้ช่วงนี้ มีจำนวนลดน้อยลงจากปกติ 

 

“ร้อน-แล้ง”ซ้ำเติมผลผลิตไข่ไก่วูบ  เกษตรกรถอดใจเลิกอาชีพแล้ว 10%

 

ผู้เลี้ยงขอให้ภาครัฐเข้าใจเกษตรกร และปล่อยให้ราคาไข่ไก่เป็นไปตามกลไกตลาด  เพราะขณะนี้เกษตรกรต้องแบกรับภาระการผลิตที่สูงขึ้น จากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ถือเป็นต้นทุนหลักที่ 70-80 %  ซึ่งจากปัญหาต้นทุนการเลี้ยงที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงตัดสินใจเลิกอาชีพไปแล้ว 10  จากไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนต่อไปได้ 

 

“สภาพอากาศที่ร้อนมากขณะนี้ แม่ไก่ไข่กินอาหารน้อย  ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ  ส่งผลต่อผลผลิตไข่ที่ได้  ซึ่งจะมีเปลือกไข่ช่วงนี้บางกว่าปกติ ง่ายต่อการร้าว และแตกได้ง่าย  ทำให้มีสภาพไข่ไก่สมบูรณ์พร้อมขายเพียงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์  และผลผลิตไข่ไก่ที่ได้ในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลาง-เล็ก ทำให้ผู้เลี้ยงขายไข่ได้ราคาลดลงไปด้วย” นางพเยาว์ กล่าว

 

“ร้อน-แล้ง”ซ้ำเติมผลผลิตไข่ไก่วูบ  เกษตรกรถอดใจเลิกอาชีพแล้ว 10%

 

ปัจจุบันราคาไข่ที่ขายไม่มีความสมดุล  เพราะไม่สามารถขายในราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง  และในสภาพอากาศร้อนขณะนี้  ทำให้ไก่เครียด แทบไม่กินอาหาร  ขนาดของไข่ไก่ที่ออกมาในช่วงนี้จึงมีเพียงขนาดกลางถึงเล็ก ที่เบอร์ 3-4-5 เท่านั้น  จากปกติมีไข่ไก่ 6 ขนาด คือ เบอร์ 0 ใหญ่สุด และเบอร์ 5 เป็นขนาดเล็กสุด 

 

นอกจากนี้จากสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้ผู้เลี้ยงต้องมีค่าใช้จ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นจากการต้องเปิดระบบน้ำพ่นฝอย เพื่อลดความร้อนภายในโรงเรือน รวมถึงระบบน้ำและพัดลมระบายอากาศของโรงเรือน ช่วงนี้เกษตรกรต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น จากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10 %  จึงอยากให้ทุกภาคส่วนรวมถึงผู้บริโภคเข้าใจเกษตรกรด้วย