นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยภาพรวมความต้องการด้านอาหารสัตว์ตามชนิดสินค้าปศุสัตว์ ที่คาดการณ์ถึงปริมาณการใช้อาหารสัตว์ในปี 2565 จำนวน 22.41 ล้านตัน และคาดการณ์ในปี 2566 ประมาณ 23.27 ล้านตัน โดยอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อมีความต้องการใช้อาหารสัตว์มากถึงร้อยละ 40 ตามด้วยอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรและไก่ไข่ที่ร้อยละ 34 และ 11 ตามลำดับ
ซึ่งทำให้ความต้องการวัตถุดิบหลักอาหารสัตว์ ได้แก่ ข้าวโพดเมล็ด กากถั่วเหลือง ปลายข้าว และปลาป่น ยังคงมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 และ 2566 และด้วยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าไวรัส 2019 (โควิด-19) ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้วัตถุดิบอาหารสัตว์มีการปรับราคาสูงขึ้น และทำให้เกิดปัญหาต้นทุนราคาอาหารสัตว์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ได้
กรมปศุสัตว์ได้พัฒนาและแนะนำแนวทางการลดต้นทุนอาหารสัตว์ให้แก่เกษตรกรรายย่อย เช่น ส่งเสริมให้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่หาได้ในท้องถิ่น การลดปริมาณการสูญเสียอาหารสัตว์ในขึ้นตอนการผลิต และการบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ร่วมกันกับเกษตรกรรายอื่นเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วยลงให้ได้มากที่สุด เช่นการใช้หัวอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารข้นที่มีการผสมสูตรให้มีค่าโปรตีนสูง
การนำไปใช้โดยเกษตรกรนำไปผสมกับวัตถุดิบแหล่งพลังงานที่สามารถหาได้เองในท้องถิ่น เช่น มันสำปะหลัง ข้าวเปลือกที่มีในยุ้งฉางที่บ้านนำมากะเทาะเปลือก ปลายข้าวหัก รำ เป็นต้น และการใช้ข้าวเปลือกที่กะเทาะเปลือกออก ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกรสามารถหาได้ในท้องถิ่น มาเป็นวัตถุดิบในการผสมอาหารสัตว์ เช่น อาหารไก่ไข่ อาหารสุกร ส่วนผู้ประกอบการแนะนำให้เพิ่มการซื้อและใช้วัตถุดิบพืชอาหารสัตว์ภายในประเทศ เช่น ข้าวและผลพลอยได้จากข้าว และมันสำปะหลัง และยกระดับการผลิตวัตถุดิบพืชอาหารสัตว์ในประเทศ
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้พัฒนาและแนะนำสูตรอาหารสัตว์ที่มีวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศไทยเป็นทางเลือกเพื่อทดแทนการนำเข้าอ เช่น มันสำปะหลัง (มันเส้น กากมัน) ข้าว (ปลายข้าว ข้าวกล้อง ข้าวกระเทาะเปลือก) ข้าวโพด รำข้าว กากปาล์ม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบบางชนิดมีข้อจำกัดในการใช้ผลิตอาหารสัตว์ หากใช้ปริมาณที่ไม่เหมาะสมในสูตรอาหารสัตว์ อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพสัตว์ ส่งผลกระทบต่อผลผลิต
หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ได้ กรมปศุสัตว์ จึงได้จัดให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยเพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ โดยสำนักพัฒนาอาหารสัตว์ จัดหน่วยให้บริการจัดเคลื่อนที่ ณ ฟาร์มเกษตรกร เพื่อแนะนำการให้อาหารสัตว์ และการปรับสูตรอาหารสัตว์ ผู้สนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักพัฒนาอาหารสัตว์
หรือ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ของกรมปศุสัตว์ จำนวน 33 แห่ง ทั่วประเทศไทย โทร 02-501-1148 นอกจากนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของสูตรอาหารสัตว์ลดต้นทุนของอาหารสุกร สัตว์ปีก โคเนื้อ และโคนมผ่านทางเวปไซต์ของสำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ https://nutrition.dld.go.th หรือศึกษาสูตรอาหารสัตว์ https://nutrition.dld.go.th/nutrition/index.php/2015-08-06-09-04-25