นายกฯ เรียกถก ศบค. 22 เม.ย. ประเมินหลังสงกรานต์-รับเปิดเทอม 

17 เม.ย. 2565 | 08:30 น.
อัปเดตล่าสุด :17 เม.ย. 2565 | 15:31 น.

นายกฯ เตรียมเรียกถก ศบค. 22 เม.ย. ประเมินสถานการณ์โควิดหลังหยุดยาววันสงกรานต์ พร้อมรับเปิดเทอม จ่อปรับมาตรการการเข้าออกประเทศให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน

17 เมษายน 2565 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนถึงปัจจุบันในภาพรวมถือว่า ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและภาคเอกชนเป็นอย่างดี ขณะที่ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันตามนโยบายและข้อสั่งการ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบไว้ โดยให้ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตั้งแต่การเดินทาง การจัดกิจกรรมสงกรานต์ และการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์หลังสงกรานต์

ทั้งนี้ นายกฯ ยังมีความห่วงใยและขอเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับช่วง 7 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ คือ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึงวันที่ 24 เม.ย.นี้ โดยขอให้ทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองและครอบครัว รักษาระยะห่าง

หากไม่มั่นใจขอให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง หรือ ขอเข้ารับการตรวจ ณ จุดบริการที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หากพบว่าติดเชื้อขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกไว้ให้แล้ว อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้มีการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

อย่างไรก็ดี มาตรการที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดี คือ การร่วมมือกันบริหารจัดการให้มีการทำงานที่บ้าน หรือ Work from home ของทั้งส่วนราชการและภาคเอกชนซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดอย่างได้ผล

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับให้จัดให้มีบริการการตรวจ ATK ให้ประชาชาเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

รวมทั้งให้กำกับแผนการยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ระดับต่าง ๆ ตามที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในระดับชุมชน (Community Isolation) โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามระดับต่างๆ ตลอดจนโครงการเจอแจกจบ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ลดลงนั้น เรื่องนี้นายกฯได้ติดตามและสั่งการให้มีการเตรียมการในทุกวิถีทางมาตั้งแต่ต้นซึ่งผู้เสียชีวิตร้อยละ 90 ยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นซึ่งเรื่องนี้ได้กำชับให้มีการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมาก

มีการรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608) ได้ระมัดระวังและเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องทำความเข้าใจและรณรงค์อย่างกว้างขวางต่อไป เพื่อป้องกันให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 น้อยที่สุดซึ่งต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกสาขา ช่วยการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจและรณรงค์ให้อย่างกว้างขวางด้วย

สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์ในระยะต่อไป คาดว่า ศบค.จะเรียกประชุมคณะกรรมการภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ และพิจารณาแนวทางต่างๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้จะได้มีการพิจารณาสิ่งที่ต้องเตรียมการสำหรับอนาคต ที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้ คือ การเตรียมความพร้อมของการเปิดภาคเรียน และการปรับมาตรการการเข้าออกประเทศทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ในภาพรวม การประเมินความร่วมมือในการปรับตัวของประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการพิจารณาเงื่อนไข และความสอดคล้องที่จะนำไปสู่แผนการปรับโรคโควิด 19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นในระยะยาวควบคู่ไปด้วย

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุม ศบค. ครั้งที่ 7/2565 จะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย. 65 นี้ ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล