แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมครม. วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ได้เห็นชอบร่างบันทึกความตกลงความเข้าใจระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องบุหรี่นำเข้าระหว่างกรมศุลกากร และบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย ในข้อหาสำแดงราคาบุหรี่นำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งมีการพิจารณาในองค์การการค้าโลก (WTO)
เรื่องดังกล่าวกระทรวงการคลัง ได้เสนอเข้ามาเป็นวาระลับ โดยมีเอกสารแจกและเก็บคืนหลังการประชุมครม. ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการขออนุมัติลงนามในร่างความเข้าใจระหว่างฟิลิปปินส์และไทย เกี่ยวกับข้อตกลงร่วมกันในขั้นตอนการยุติข้อพิพาทในประเทศไทยอย่างครอบคลุม ภายใต้มาตรการศุลกากรและการคลังเกี่ยวข้องกับกรณีของบุหรี่จากฟิลิปปินส์
หรือ Understanding between the Philippines and Thailand on agreed procedures towards a comprehensive settlement of the dispute in Thailand – customs and fiscal measures on cigarettes from the Philippines
มีสาระสำคัญ คือ ฟิลิปปินส์ จะไม่ขอใช้สิทธิ์ตอบโต้ทางการค้ากับไทยเพิ่มเติม และการสืบสวนสอบสวนใด ๆ จะอยู่ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งไทยตกลงว่าจะทำตามข้อตกลงดังกล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้หมด โดยที่ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนโต้แย้ง เพราะที่ผ่านมาการสู้คดีข้อพิพาทเรื่องดังกล่าว ประเทศไทยได้สู้มาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็แพ้ทุกครั้ง หากจะสู้อีกคงอาจได้ข้อสรุปแบบเดิม จึงได้มีการจัดทำข้อตกลงดังกล่าว เพื่อให้ยุติข้อพิพาท และไม่มีการฟ้องร้อง
“เรื่องนี้ถ้าไม่จบโดยเร็ว อาจจะมีผลต่อประเทศไทย โดยที่ประชุมครม.เห็นตรงกันว่าร่างฉบับนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ไปได้ด้วยดี ซึ่งนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้แจ้งว่า แม้จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ก็อยากให้เตรียมข้อมูลให้ชัด เพราะที่ผ่านมาฝ่ายค้านมักหยิบเรื่องนี้มาอภิปรายในสภาหลายครั้ง ดังนั้นเมื่อตัดสินใจทำข้อตกลงแล้วก็ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนชี้แจงด้วย” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวยังบอกอีกว่า ที่ประชุมใช้เวลาหารือกรณีดังกล่าวไม่นานนัก เพราะกระทรวงการคลังเตรียมข้อมูลมาครบแล้ว แต่การเห็นชอบร่างความตกลงฉบับนี้ตามมติครม.ไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะยุติเรื่องได้ในทันที เพราะต้องเอาข้อตกลงนี้ไปเจรจาไกล่เกลี่ยกันอีก ทั้งเรื่องของผลประโยชน์ระหว่างกันว่า ต่อไปจะมีในด้านไหน หรือกรณีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องทางการค้าบ้าง
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้กระทรวงการคลังเจ้าของเรื่องไปศึกษา และหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วมารายงานให้ทราบต่อไป