นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม พื้นที่ 121 ไร่ วงเงินรวมกว่า 1,361 ล้านบาท โดยระบุว่า ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างเจรจาต่อรองกับภาคเอกชนผู้ยื่นประมูล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเสนอผลการคัดเลือกไปยังกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างภายในปีนี้ ให้สอดคล้องกับความต้องการขนส่งสินค้า เนื่องจากปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการค้าชายแดน โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าประเภทผลไม้บริเวณด่านการค้าชายแดนนครพนม ที่ถือเป็นด่านส่งออกผลไม้ไทยที่สำคัญของประเทศ โดยมีมูลค่าการค้ารวมในปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.) มากกว่า 1 แสนล้านบาท มากเป็นอันดับสองรองจากจังหวัดมุกดาหาร ขณะที่ปัจจุบันเงื่อนไขการส่งออกนำเข้าระหว่างประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้ว ขบ.จึงมั่นใจว่าหากเร่งรัดดำเนินโครงการศูนย์ขนส่งนครพนมจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
“เอกชนที่จะชนะการคัดเลือกเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการศูนย์ขนส่งสินค้านั้น เราไม่ได้คัดเลือกจากผู้ที่ให้ผลตอบแทนแก่รัฐสูงสุด แต่พิจารณาจากแผนธุรกิจและการจัดเก็บค่าขนส่งสินค้าจากผู้ประกอบการ ผู้ที่มาใช้บริการต้องเป็นราคาที่ไม่แพง สมเหตุสมผล เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับารขนส่งสินค้าที่จะสับเปลี่ยนจากระบบรถยนต์ทางถนนสู่ระบบรางต่อไป”
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ขบ. ได้ดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์แล้วเสร็จ และจ่ายค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ถูกเวนคืนครบทุกรายเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565-2567 สำหรับดำเนินการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างในส่วนที่ภาครัฐรับผิดชอบ ซึ่งได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปีนี้ ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี และเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2567
ส่วนการลงทุนของภาคเอกชน จะต้องรับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และเครื่องมือและอุปกรณ์ และเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (O&M) ในส่วนอาคารที่อยู่ในความรับผิดชอบของเอกชนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลาง รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้ ตามรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปีนับจากปีเปิดให้บริการ
ทั้งนี้จากการเปิดขายซองเอกสารประกวดราคา มีเอกชนสนใจซื้อซองจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท ชาญนครวิศวกรรม จํากัด 2. บริษัท วีอาร์ไพล์ จำกัด 3. บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4. บริษัท ไพโอเนียร์ โกลบอล ซัพพลาย จำกัด 5. บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และ 6. บริษัท สินธนโชติ จำกัด แต่กลับพบว่ามีเอกชนสนใจยื่นซองข้อเสนอเพียงรายเดียว ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจารายละเอียด
สำหรับโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม จัดเป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ของกรมการขนส่งทางบก ตั้งอยู่ที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บนเนื้อที่กว่า 121 ไร่ ซึ่งจะทำหน้าที่รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R12 เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย - สปป.ลาว - เวียดนาม - จีนตอนใต้ ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) รวมถึงรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางราง ผ่านแนวการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในอนาคต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล