“เกรียงไกร” เตือนรับมือ Climate Change คลื่นหายนะธุรกิจลูกใหญ่สุดโลก

11 พ.ค. 2565 | 10:39 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2565 | 17:57 น.

“เกรียงไกร”ประธานสภาอุตฯคนใหม่จี้ภาคธุรกิจเตรียมรับมือ Climate Change ชี้จะเป็นคลื่นหายนะลูกใหญ่สุดของโลกต่อจากดิจิทัลดิสรัปชั่น-เงินเฟ้อ หากไม่เร่งปรับตัวจะกระทบรุนแรงแน่

 

นายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในการเสวนา “ZERO CARBON วิกฤติ-โอกาสไทย” ในงานสัมมนา ZERO CARBON วิกฤติ-โอกาสไทยในเวทีโลก จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ใจความสำคัญตอนหนึ่งระบุว่า  ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาคธุรกิจ หากพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ก็จะผ่านไปได้  แต่หากผ่านไปไม่ได้ก็จะเผชิญวิกฤติ ซึ่งขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมของไทย กำลังเผชิญความท้าทายในหลายเรื่อง

 

เรื่องแรก ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ซึ่งส.อ.ท.มี 45 กลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งปัจจุบันจีดีพี 70 % ของประเทศมาจากการส่งออก และสินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของมูลค่าการส่งออกไทย แต่เวลานี้ทุกอุตสาหกรรมของไทยและของโลกกำลังเผชิญกับดิจิทัล ดิสรัปชั่น ซึ่งจะทำอย่างไรให้อยู่รอด และสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งอะไรที่ทำจนเคยชิน หรือที่เป็นความสำเร็จเก่า ๆ ต่อไปอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว

 

“เกรียงไกร” เตือนรับมือ Climate Change คลื่นหายนะธุรกิจลูกใหญ่สุดโลก

 

หลังจากนั้นเราก็เผชิญกับความท้าทายที่ 2 คือTrade War ที่เวลานี้สหรัฐฯและจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ของโลก  และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 และ 2 ของไทยได้ทำสงครามการค้ากัน ประเทศเล็ก ๆ ก็เป็นหญ้าแพรก ทำให้ห่วงโซ่การผลิตฉีกขาดออกจากกัน มีการกีดกันกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางด้านบวก และด้านลบต่อการส่งออกของไทย เช่น หากไทยส่งสินค้าวัตถุดิบ หรือสินค้าปฐมภูมิไปจีนเพื่อแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งออกต่อไปสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบเชิงลบ ทางกลับกันถ้าเป็นสินค้าที่เป็นแบรนด์ไทย เราได้รับคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในวิกฤติยังมีโอกาส

 

ความท้าทายต่อมา คือ การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ล้มหายตายจาก และออกไปจากระบบจำนวนมาก  และปัญหาที่เป็นความท้าทายข้างหน้าที่ต้องเตรียมรับคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)  แต่ยังไม่ถึงตรงนั้นก็มีของแถมคือความท้าทายจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เกิดปัญหาซัพพลายเชนดิสรัปชั่น

 

เกรียงไกร  เธียรนุกุล

 

“คลื่นลูกที่ 1 เวลานี้คือโควิดที่เกิดขึ้น 2 ปีกว่าที่เราแย่กันหมด เดินทางไปไหนไม่ได้ยังเป็นคลื่นลูกเล็ก แต่คลื่นลูกต่อไปที่ใหญ่กว่าขณะที่ที่กำลังเผชิญอยู่คือปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ ที่สหรัฐฯกลัวจะทำให้เกิด Recession (ภาวะถดถอย)  และคลื่นลูกใหญ่ที่สุดที่กำลังจะมาคือ Climate Change ที่ทั่วโลกยอมรับแล้วว่าอันนี้คือหายนะตัวจริง เป็นหายนะของมวลมนุษยชาติ เพราะถ้ายังปล่อยให้การผลิตเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จะส่งผลทำให้อุณหภูมิของโลกมีการเปลี่ยนแปลงและสูงขึ้น ซึ่งถ้าหลายองศาจะส่งผลทำให้น้ำแข็งและหิมะในขั้วโลกละลาย และเกิดน้ำท่วมในหลายประเทศ และทำให้เกิดภัยพิบัติและโรคร้ายต่าง ๆ ที่อาจจะตามมา”

 

ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั่วโลกรวมถึงไทยต้องช่วยกัน ทำอย่างไรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ตามที่ตกลงกันไว้ในเวที COP26