“มิลล์คอน”ชี้ ศก.หมุนเวียนหนุนผลงานแกร่ง สั่งลุย Green Steel โตยั่งยืน

13 พ.ค. 2565 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2565 | 18:59 น.

มิลล์คอน สตีล ชี้เศรษฐกิจหมุนเวียน หนุนผลงานแกร่งดันธุรกิจสู่เป้าหมาย Green Steel เติบโตยั่งยืน ไตรมาส1/65 กำไรสุทธิ 111 ล้านบาท ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกระทบราคาเหล็กผันผวน ไทยบริโภคเหล็ก 3 เดือนแรกแล้วกว่า 4 ล้านตัน

 

นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด(มหาชน)หรือ MILL เผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ของกลุ่มมิลล์คอนฯ ยังมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง  ซึ่งหัวใจสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกเหนือจากอานิสงส์ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นผลจากการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มตามแผนยุทธศาสตร์หลักให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy)ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทไปสู่เป้าหมายใหญ่คือการเป็น Green Steel

 

โดยมิลล์คอนฯ เป็นผู้ผลิตเหล็กทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการรีไซเคิลอย่างครบวงจร มีการกำจัดของเสียอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยของเสียจากขั้นตอนการบดย่อยเศษเหล็กจะถูกนำมาคัดแยกไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า  มีการใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งตระกันจากการหลอมเหล็กสามารถนำมาผสมคอนกรีตในการทำถนนตามหลัก Zero Waste

 

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น  ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง  ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

 

“มิลล์คอน”ชี้ ศก.หมุนเวียนหนุนผลงานแกร่ง สั่งลุย Green Steel โตยั่งยืน

 

จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ในช่วง 3 เดือนแรกปี 2565 ไทยมีปริมาณการบริโภคเหล็กสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 4.04 ล้านตัน ลดลง17.8 %จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการบริโภคเหล็กทรงยาวอยู่ที่ 1.57 ล้านตัน ลดลง 19.7% และการบริโภคเหล็กทรงแบนอยู่ที่ 2.47 ล้านตัน ลดลง 16.6 %จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

 

นายประวิทย์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/2565 ว่า มีกำไรสุทธิ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น103% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท และ EBITDA อยู่ที่ 293 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 22%  จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มี EBITDA อยู่ที่ 241 ล้านบาท   

 

ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่  5,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,194 ล้านบาท  โดยมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 5,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%  ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปริมาณการขายเหล็กเส้นและเหล็กแท่งทรงยาวที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น บริษัทจึงมีโอกาสในการทำกำไรจากการขายเหล็กแท่งทรงยาวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล็กเส้นของกลุ่มมิลล์คอนฯ

 

ในส่วนของต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 4,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มมิลล์คอนฯ มีการเติบโตทั้งส่วนของธุรกิจหลักและบริษัทร่วมทุนเริ่มสามารถรับรู้กำไรได้แล้ว  โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอยู่ที่ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนการเงินที่ลดลง 5% ส่วนของผู้ถือหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกของบริษัท