“JMART” แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2565 กำไรสุทธิ 325 ล้านบาท

14 พ.ค. 2565 | 12:56 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ค. 2565 | 20:02 น.

“JMART” แจ้งผลประกอบการไตรมาสแ 1/2565 กำไรสุทธิ 325 ล้านบาท เผยกลยุทธ์ Synergy ธุรกิจในเครือเดินถูกทางสะท้อนผลกำไร

นางสาวลัดดา วรุณธารากุล เลขานุการ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน)  หรือ JMART ได้แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565  กับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีผลกำรสุทธิไตรมาส 1/2565เท่ากับ 325.1ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ ร้อยละ 9.3และคิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้นเท่ากับ0.233  ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนกำไรถือหุ้นในบริษัท KBJ Capital มูลค่า 66 ล้านบาท จะทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิอยูที่ระดับร้อยละ  22

โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,512.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 629.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.80 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ ในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือที่เติบโตได้ดีรายละเอียดดังนี้

 

1.รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า อยู่ที่ 2,431.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 377.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.40 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือของบริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย มือถือของบริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด จากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทาง Synergy

2.รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ และเงินให้สินเชื่อ และกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ ซึ่งเป็นรายได้ในส่วนของธุรกิจการเงินทั้งในส่วนของเจเอ็มที อยู่ที่ 951.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.90 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.80 เนื่องจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพได้มากขึ้น

 

3.รายได้ค่าเช่า อยู่ที่ 70.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.90 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.20 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ในส่วนธุรกิจของ เจเอเอส แอสเซ็ท

4.รายได้จากการรับประกันภัย อยู่ที่ 58.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 49.70 โดยเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดทำงบการเงินรวมของบริษัทย่อยในธุรกิจประกันภัยซึ่งมีการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งช่องทางของบริษัทเอง และบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท
 

 

JMART

 

 

ไม่เพียงเท่านี้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.10 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการเติบโตของรายได้.

 

ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย