นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยว่า การส่งออกไทยยังคงมีปัญหาเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะอุปสรรคสำคัญ อย่าง ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้า และต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกราคาพลังงานในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.2 ส่งผลกระทบต่อ ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคทั่วโลกหดตัวลง และสถานการณ์ระวางเรือยังคงตึงตัวในหลายเส้นทางรวมถึงค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากเรือแม่ยังไม่สามารถเข้าเทียบท่าในไทยได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่แม้ค่าระวางเริ่มมีการปรับลดลงในหลายเส้นทาง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มออกมาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร
ซึ่งเรื่องนี้ สรท.ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือแบงก์ชาติ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ไม่ให้แข็งค่าเกินกว่า 33–34 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับต้นทุนในส่วนอื่นที่ผันผวนสูง และขอให้ กนง. คงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5
เพื่อประคองให้การฟื้นตัวภาคธุรกิจยังคงดำเนินการได้ รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ผ่านเครื่องมือด้านการลดภาษีสรรพาสามิตและเงินกองทุนน้ำมัน หรือกลไกในการควบคุมต้นทุนการนำเข้าไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากจนเกินไป และ การควบคุมราคาสินค้าในประเทศจำเป็นต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับต้นทุนผู้ประกอบการ เพื่อมิให้เป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการมากเกินไป ขอให้พิจารณาลดต้นทุนสินค้าขาเข้า ลดเงื่อนไขและขั้นตอนในกลุ่มสินค้าที่ขาดแคลนและจำเป็น
“ส่งออกไทยในเดือนเมษายน 2565 ยังเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่ากว่า 23,521 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 9.9 และในช่วง 4 เดือนแรกของปี ขยายตัวร้อยละ 13.7 ทำให้คาดการณ์การว่าส่งออกไทยในไตรมาสที่สองของปีจะเติบโตร้อยละ 3-5 และทั้งปีขยายตัวได้ร้อยละ 5-8 แน่นอน”