10 มิถุนายน 2565 พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม 2 คณะต่อเนื่องกัน ได้แก่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
พล.อ.ประวิตรฯ ได้เปิดการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่1/2565 โดยได้รับทราบ ผลการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ20 ปี 6ด้าน (ช่วงปี61-ปัจจุบัน) ได้แก่
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ แผนงานพัฒนาระบบระบายน้ำและจัดการน้ำเสีย บึงมักกะสันแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและจัดการน้ำเสีย จากถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และบึงมักกะสันไปจนถึงสนามบินดอนเมือง ได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่ 81.53 ตร.กม.โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 4ปี (ปี 67-70)
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่2/2565 ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นอย่างยิ่งเพราะเมื่อมีน้ำต้นทุน ก็จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาประเทศมีความเจริญก้าวหน้า ตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่วางไว้
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้า การขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญซึ่ง มี 41 โครงการขนาดใหญ่(เกิน 1000 ล้านบาท)และ2โครงการสำคัญ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก กนช.แล้วและยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานกลั่นกรอง อีก 3โครงการ ได้แก่โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองพัทยา ระยะที่1 โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี และโครงการแก้มลิงทุ่งหิน จ.สมุทรสงคราม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการสถานีสูบน้ำดิบพร้อมระบบท่อส่งน้ำ เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน จ.ปัตตานี เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่ 4อำเภอได้แก่ อ.หนองจิก, อ.แม่ลาน, อ.โคกโพธิ์ และอ.เมืองปัตตานี มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 30ตำบลและมีน้ำประปารองรับประชากรมากถึง 240,000 คน ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรฯ ได้กำชับให้ผู้รับผิดชอบโครงการ มีการควบคุมคุณภาพน้ำเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานโดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภค
พล.อ.ประวิตรฯ ได้กำชับ สทนช. และทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการต่างๆ ให้เร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน โดยเฉพาะ น้ำประปาหมู่บ้าน และแหล่งน้ำชุมชน ต้องให้ประชาชนมีน้ำใช้ทุกครัวเรือน อย่างเพียงพอ ควบคู่การประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาประเทศ เจริญก้าวหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลต่อไป