9 โอกาส หลัง 'Perfect Storm' วิกฤติเศรษฐกิจ สู่ จุดเปลี่ยนใหม่

12 มิ.ย. 2565 | 10:09 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2565 | 17:15 น.

ภาคต่อ วิกฤติเศรษฐกิจโลก 'กอบศักดิ์' ชี้ 9 โอกาสไทย จาก 'Perfect Storm' สงครามยูเครน - ดอกเบี้ย - เงินเฟ้อ - ฟองสบู่ และ ปัญหาเศรษฐกิจของเงิน

12 มิถุนายน 2565 - ภาวะ 'เงินเฟ้อ' ที่พีคสูงสุดในหลายประเทศทั่วโลก ประกอบกับ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ ปัญหาการล็อกดาวน์โควิดในจีน จนก่อตัวเป็น Perfect Storm หรือ มหาพายุเศรษฐกิจ ที่กำลังสร้างความหวาดกลัว ให้กับโลกใบนี้นั้น แม้ยังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ถึงทิศทางไม่ได้ แต่หากวิกฤติ คือ โอกาส ก็เป็นคำถาม ว่าเราจะเห็นประโยชน์อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้าง 

 

ล่าสุด ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล กูรูด้านเศรษฐศาสตร์คนสำคัญของไทย โพสต์บทความ : โอกาสในวิกฤต ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ ซึ่งมีการระบุถึง โอกาสที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างน้อย 9 เรื่อง กับประเทศไทย และธุรกิจไทย เช่น ภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า  โดยขอให้ภาคธุรกิจ เตรียมทำการบ้านให้พร้อม เพื่อรับโอกาสที่อาจดีที่สุดในรอบหลาย 10 ปี ตามใจความสำคัญ ดังนี้ 
 

9 โอกาส หลัง \'Perfect Storm\' วิกฤติเศรษฐกิจ สู่ จุดเปลี่ยนใหม่

โอกาสในวิกฤต 
ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ 

 

กระทั่งโควิด-19 ที่ว่ากระเทือนหนักไปทั่วโลก มองไม่เห็นอนาคต ก็มีโอกาสเปิดขึ้นสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ขายของออนไลน์ ระบบการประชุมออนไลน์ ธุรกิจขนส่งสินค้าและดิลิเวอรี่ และแพลตฟอร์ม Social ต่างๆ 

 

ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ที่คิดว่าจะต้องใช้เวลานับ 10 ปีในการพัฒนา ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับช่วงที่เกิดโรคระบาด SARS ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วของ Alibaba Alipay Tencent WeChat Pay ในประเทศจีน

 

หัวใจอยู่ที่ เราจะมองเห็นโอกาสที่กำลังเปิดขึ้นเหล่านั้น และสามารถนำมาเป็นโอกาสของเราได้หรือไม่ สำหรับวิกฤต Perfect Storm ที่กำลังก่อตัว อันเป็นผลมาจาก 

  1. ความขัดแย้งในยุโรป 
  2. สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อและฟองสบู่ 
  3. ปัญหาเศรษฐกิจของจีน ก็เช่นกัน จะเปิดโอกาสอย่างน้อยใน 9 เรื่อง 

 

  • อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า 

ช่วงที่ผ่านมา หลายคนลังเลใจว่าจะเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าดีหรือไม่ รวมไปถึงมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า แต่ราคาน้ำมันเบนซินที่ 50 บาท และน้ำมันดีเซลที่ 30 กว่าบาท กำลังทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น รัฐบาลประเทศต่างๆ ก็เช่นกัน ที่ลังเลใจ ก็จะเริ่มออกมาตรการต่างๆ มาเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนไปสู่ EV ซึ่งเมื่อมีคนซื้อ คนใช้มากขึ้น เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และ Ecosystem ของรถไฟฟ้า ก็จะดีขึ้นมาก ทำให้อีกหลายคนอยากใช้เช่นกัน
 

  • อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน 

โซล่าร์ ลม น้ำ คลื่น พลังงานใต้พิภพ และอื่นๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซ จะได้รับอานิสงค์ ยิ่งราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้าแพงมากขึ้นเท่าไร คนก็จะเริ่มนำพลังงานทดแทนต่างๆ มาใช้มากขึ้น นำไปสู่ขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้น และเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้นโค้ง 2 ปีของราคาน้ำมันและก๊าซที่สูงลิ่ว จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี EV และพลังงานทดแทนไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ทำให้ตั้งลำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งครั้นเมื่อราคาน้ำมันลดลงในที่สุด สถานการณ์ความต้องการพลังงานของโลกใน Next Normal ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะ และจุดจบของน้ำมันก็จะร่นเข้ามาเร็วขึ้น จากวิกฤตในรอบนี้ 

 

  • ระบบ Logistics ยุคใหม่

ต้นทุนการขนส่งที่แพงขึ้นมาก จากราคาพลังงานโลกที่เพิ่มขึ้น จะเป็นแรงจูงใจ ให้คนเร่งหาคำตอบเรื่อง ระบบการขนส่ง ที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับเขา ทั้งหมดจะเป็นโอกาสให้กับ แพลตฟอร์ม Logistics ต่างๆ ระบบการขนส่งแบบใหม่ หรือระบบขนส่งกลางที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ในเรื่องนี้ โชคดีที่ไทยกำลังพัฒนาและลงทุนในระบบรถไฟรางคู่ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กับระบบการขนส่งทางราง ที่มีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งทางบกซึ่งเราใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น ต้นทุน Logistics ที่เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้ระบบการขนส่งทางรางเป็นที่นิยมเร็วขึ้น 

 

  • ภาคเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร และ เทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคตวิกฤตพลังงาน

อาหารโลกที่กำลังเกิดขึ้น จะเป็นโอกาสของไทยในฐานะที่เราเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและส่งออกอาหารเราจะเห็นได้จาก ราคาปาล์มน้ำมัน ราคายาง ที่ดีเป็นพิเศษในช่วงนี้ เมื่อเทียบกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความต้องการอาหารจากไทยกำลังเพิ่มขึ้น
ยิ่งประเทศต่างๆ เริ่มปกป้องตัวเองและใช้นโยบาย Food Protectionism มาขึ้นเท่าไร ผลดีกับผู้ผลิตไทยก็จะดีมากขึ้นเท่านั้น

 

เช่นเมื่อมาเลเซียประกาศหยุดการส่งออกไก่ สิงคโปร์ก็สั่งจากไทยเข้าไปทดแทน
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคต และเทคโนโลยีการผลิตอาหารแบบใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่ม Yield ก็จะถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน จากราคาอาหารโลกที่สูงลิ่วรอบนี้ 

 

  • อุตสาหกรรมปุ๋ย

คนมักไม่ค่อยพูดถึงปัญหาการขาดแคลนปุ๋ย และราคาปุ๋ยโลกที่เพิ่มขึ้น แต่การ Sanction รัสเซียและเบลาลุส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบสำหรับปุ๋ย N P K ได้ทำให้ราคาปุ๋ยโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าตัว รวมไปถึงการขาดแคลนปุ๋ยปัญหานี้กำลังทำให้เกษตรกรต้องประหยัดการใช้ปุ๋ย และนำไปสู่ผลผลิตที่จะลดลงในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่จะถึง ซ้ำเติมวิกฤตอาหารโลกให้มีปัญหามากขึ้นไปจากเดิม 

 

เมื่อปุ๋ย N P K ขาดแคลน โอกาสการพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยจุลินทรีย์ และการนำวัสดุจากธรรมชาติมาเป็นปุ๋ยอีกรอบ รวมถึงโอกาสการทำเกษตรอินทรีย์ ก็จะเปิดขึ้นหลังวิกฤตอาหารโลกและวิกฤตราคาปุ๋ยคลี่คลายลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า เราก็จะมีเทคโนโลยีการผลิตอาหารแบบใหม่ และการผลิตปุ๋ยทางเลือก ที่ล้ำขึ้นไปจากเดิม ทำให้ระบบการผลิตอาหารและปุ๋ยใน Next Normal เปลี่ยนไปจากปัจจุบัน 


ภาคท่องเที่ยว 

ช่วงนี้ ในภูเก็ต ในบาหลี จะมีคนจากยูเครน จากรัสเซีย หลบร้อนมาพึ่งเย็นมากขึ้น ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และ Startups ยิ่งปัญหาในยุโรปไม่จบง่าย และอาจจะลุกลามบานปลาย ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนยังคุกรุ่น หลายคนก็เริ่มจะพยายามหาพื้นที่ที่สงบ สันติ มาเป็นบ้านที่สองของเขา และเป็นโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจในเอเชีย ซึ่งกำลังจะเป็นศูนย์กลางของการเจริญเติบโตของโลกในช่วงต่อไป

 

เรื่องนี้ก็จะเป็นโอกาสของไทย ในการเลือกรับเอาคนเหล่านี้เข้ามา ที่จะช่วยภาคท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น เพราะคนเหล่านี้อยู่ยาวกว่านักท่องเที่ยวตามปกติ ช่วยยกระดับวงการ Startups ไทย และช่วยให้ไทยก้าวขึ้นไป Hub ของการทำธุรกิจในระดับภูมิภาคได้เร็วขึ้น

 

  • ช่องทางการชำระเงินแบบใหม่

การที่สหรัฐและพันธมิตร เลือกที่จะนำโครงสร้างระบบการเงินและการชำระเงินที่เขาควบคุมอยู่ ทั้งที่เป็น ธนาคาร สถาบันการเงิน ตลาดทุน และระบบ Swift มาใช้เป็นเครื่องมือทำสงครามเศรษฐกิจกับรัสเซีย ได้สร้างรอยด่าง ที่เป็นแผลเป็นระยะยาว ให้ระบบดังกล่าว

 

เมื่อไม่สามารถเชื่อถือระบบการเงินและระบบการเงินหลักที่มีอยู่ ได้อีกต่อไป หลายประเทศที่รู้ตัวดีว่า ตนอาจจะมีปัญหากับสหรัฐและพันธมิตรในอนาคต ก็จะต้องพยายามหาทางเลือกใหม่ในการฝากเงิน และชำระเงิน จึงไม่น่าแปลกใจว่า รัสเซีย จีน อินเดีย และอีกหลายประเทศกำลังร่วมกันคิดหาทางออกในเรื่องนี้ อย่างขมักเขม้น 

 

กำลังดูว่า จะมีช่องทางใหม่ๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี Blockchain, Cryptocurrency, และ Decentralized Finance ซึ่งหมายความต่อไปว่า โลกการเงินเดียว กำลังจะถูกแบ่งออกเป็นอย่างน้อย สองส่วน และจะเป็นโอกาสของคนที่ทำเรื่องนี้    

 

  • โอกาสการเข้าลงทุน 

คนมักจะพูดถึง "สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อ" แต่สงครามอีกด้านของเฟดที่คนไม่ค่อยพูดกัน ก็คือ "สงครามของเฟดกับฟองสบู่"2 ปีที่ผ่านมา สภาพคล่องจำนวนมากที่ถูกปั๊มเข้าระบบ ดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยติดดิน ได้ทำให้ราคาสินทรัพย์หลายอย่างได้ขึ้นไปสูงมาก จนเกินเอื้อมแต่สงครามของเฟดทั้งสองด้าน กำลังทำให้สินทรัพย์ดีดี ที่มีพื้นฐานดียิ่ง ราคาลดฮวบลงมา อยู่ในระดับที่น่าสนใจยิ่ง หลายคนคงกำลังมองดูสินทรัพย์เหล่านี้อยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า bottom จะอยู่ตรงไหน 

 

แต่ที่แน่ๆ ช่วงข้างหน้า จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเราหัวใจ คือ เราต้องพยายามรักษาเงินต้น รักษาตัวของเราไว้ให้ถึงจุดนั้น อดใจ รอจุดเปลี่ยนของวิกฤต และคงต้องคิดว่า ไม่มีใครซื้อได้ต่ำสุด ขอให้ราคาที่เราพอใจ ก็ไปได้    ด้วยเงินที่เย็นพอ วิกฤตจะเป็นโอกาสของเรา

 

  • Emerging Market Crisis 

จะเป็นโอกาสของหลายบริษัทช่วงวิกฤต จะเป็นช่วงที่สินทรัพย์ที่ปกติแล้วไม่เปลี่ยนมือ จะหลุดออกมา โอกาสที่ไม่มีในวันปกติ จะเปิดขึ้นคงต้องเร่งทำการบ้านตั้งแต่วันนี้ดูแลฐานะการเงินบริษัทของเราให้มั่นคง เพื่อโอกาสในวันดังกล่าวความจริงยังมีโอกาสอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่อย่างน้อยโอกาสทั้ง 9 ด้านนี้ กำลังรอเราอยู่ในช่วงข้างหน้า
ท่ามกลางวิกฤต ท่ามกลางความมืดมิด ถ้าเรามองไปที่โอกาส เราจะมีกำลังใจ ให้ผ่านไปได้ 

 

" ที่สำคัญสุด "อย่าถอดใจ" แม้ช่วงนี้ เราอาจเสียหาย จากความปั่นป่วนทางการเงินที่เกิดขึ้นแต่ถ้าเราไม่ถอดใจ เราก็จะกลับมาได้ เพราะ "โอกาสมีอยู่เสมอ" สำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้และผมมีอีกข่าวดีมาฝากทุกคน ท่ามกลางความปั่นป่วนรอบนี้ โอกาสที่เปิด อาจจะดีที่สุดในรอบหลายๆ ปี ให้เราหยิบฉวย ให้เราเริ่มต้นใหม่ Never, never, never give up ครับ"