นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อกังวลต่อสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบถึง 2 แสนล้านบาทภายในสิ้นปี 2565 ว่า เป็นเรื่องการบริหารสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ และรัฐบาล โดยรัฐยังยืนยันอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของราคาจริงตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ส่วนในระยะต่อไปกองทุนน้ำมันฯจะทยอยปรับขึ้นราคาหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่กองทุนน้ำมันฯจะไปพิจารณา โดยมีการหารือกับคณะอนุกรรมการของกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาแนวทางหาเงินอุดหนุนต่อไป ส่วนความคืบหน้าการกู้เงิน 20,000 ล้านบาทก้อนแรกจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ลดลง ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำไปลดราคาขายปลีกดีเซลในประเทศได้ทันที แต่ช่วยลดภาระการอุดหนุนของกองทุนน้ำมันฯได้ระดับหนึ่งที่ยังอุดหนุนอยู่ 50% ยังไม่ลดการอุดหนุนเหลือ 25%
แต่กองทุนจะมีการปรับเพดานราคาขึ้นเป็น 36 บาทต่ลิตรหรือไม่ ต้องรอดูสัปดาห์นี้ว่าผลการเจรจาผู้ประกอบการโรงกลั่นมีการตอบรับออกมาอย่างไรด้วย ถ้าโรงกลั่นไม่ตอบรับ แล้วสภาพคล่องของกองทุนยังมี ก็ไปต่อได้ เชื่อว่าสิ้นเดือนก.ค.นี้มีทางออกแน่นอน
ในส่วนของการเน้นช่วยเหลือราคาพลังงานเฉพาะกลุ่มเปราะบางนั้น มีการสำรองงบกลางเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น พ่อค้าหาบเร่ แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์แล้วเป็นเวลา 3 เดือน
โดยกำลังพิจารณาหลักเกณฑ์ให้มีความชัดเจน เพื่อให้ความช่วยเหลือถูกต้องตรงจุดมากขึ้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบ
“เบื้องต้นจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมดูเรื่องประเภทรถยนต์ที่จะให้ความช่วยเหลือ กระทรวงอุตสาหกรรมดูประเภทโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนก๊าซธรรมชาติได้หรือไม่ ต้องบูรณาการกันใหม่ ต้องใช้เวลาพิจารณา ทุกหน่วยงานทำงานเต็มที่”