นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยและการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนพฤษภาคมและ 5 เดือนแรกของปี 2565 ผ่านระบบซูม ณ กระทรวงพาณิชย์
โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนพฤษภาคม 25 65 เพิ่มขึ้น 10.5% มูลค่า 854,372 ล้านบาท และการส่งออกในภาพรวม 5 เดือนแรก( ม.ค.-พ.ค.) ขยายตัว 12.9% คิดเป็นมูลค่า 4.03 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ในหมวดสินค้าเกษตร การส่งออกเป็นบวก 3 เดือนต่อเนื่อง โดยขยายตัว 21.5% มูลค่า 106,082 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น 1.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง พ.ค.65 + 81.4% ตลาดสำคัญ เช่น จีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวันและเกาหลีใต้ และ 5 เดือนแรก 65 + 27.3% มีส่วนสำคัญช่วยดึงราคามันสำปะหลังของเกษตรกรให้สูงขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 3 บาทกว่า ซึ่งสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา 2.ผลไม้สด พ.ค.65 + 28.7% ตลาดสำคัญเช่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน อินโดนีเซียและเมียนมา มังคุดสดเป็นดาวรุ่ง พ.ค.65 + 566.1% 5 เดือนแรก +488.3% สับปะรดสด พ.ค.65 + 410% ตลาดใหญ่คือ มาเลเซีย จีนและซาอุดีอาระเบีย 5 เดือนแรก 65 + 100%
ส่วนลำไยอบแห้ง ส่งออกเดือนพฤษภาคม + 214.9% มีตลาดใหม่ที่เนเธอร์แลนด์ 5 เดือนแรก +80.8% ทุเรียนสด พฤษภาคม 2565 +11.4% มูลค่า 34,870 ล้านบาท และข้าวปีนี้คาดว่าการส่งออกจะดีกว่าปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 4 เดือนต่อเนื่องโดยเดือนพฤษภาคม +24.7% และ 5 เดือนแรก +23.2% นำเงินเข้าประเทศ 47,803 ล้านบาท ตลาดส่งออกข้าวสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ แคเมอรูน จีนและเยเมน ยางพาราเดือนพฤษภาคม 2565 + 3.9% 5 เดือนแรกปีนี้ +2.8% นำเงินเข้าประเทศ 78,971 ล้านบาท
สินค้าหมวดอุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวเป็นบวก 15 เดือนต่อเนื่อง โดยเดือนพฤษภาคม 2565 ขยายตัว +32.7% และ5 เดือนแรก +27.9% ทำเงินเข้าประเทศ 322,863 ล้านบาท สินค้าที่ขยายตัวสูงได้แก่ 1.น้ำตาลทราย พฤษภาคม +171.2% และ 5 เดือน +151.0%
2.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือนพฤษภาคทม +32.5% และ 5 เดือน +10.9% ทำเงินเข้าประเทศ 51,158 ล้านบาท 3.อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว 33 เดือนต่อเนื่อง 5 เดือนแรก +25.4% ทำเงินเข้าประเทศ 40,721 ล้านบาท
และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นบวก15 เดือนต่อเนื่อง โดย 5 เดือนแรกปีนี้ +11.3% ทำเงินเข้าประเทศ 3,162,977 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น 1.เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ เดือนพฤาภาคม +141.3% และ 5 เดือนแรก +75.7% ทำเงินเข้าประเทศ 63,029 ล้านบาท
2.อัญมณีและเครื่องประดับ 5 เดือนแรก +48.3% ทำเงินเข้าประเทศ 109,478 ล้านบาท 3.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 5 เดือนแรก +14.9% ทำเงินเข้าประเทศ 100,115 ล้านบาท 4.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 5 เดือนแรก +16.8% ทำเงินเข้าประเทศ 121,142 ล้านบาท 5.ผลิตภัณฑ์ยางเดือนพฤษภาคม +10.0% ทำเงินเข้าประเทศ 42,340 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก -4.3% ทำเงินเข้าประเทศ 198,229 ล้านบาท 6.แผงวงจรไฟฟ้า 5 เดือนแรก +14.7% ทำเงินเข้าประเทศ 125,921 ล้านบาท
สำหรับตลาดที่ขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรกในเดือนพฤษภาคม 2565 ได้แก่ 1.เอเชียใต้ +55.7% 2.แคนาดา +45.3% 3.ตะวันออกกลาง +37.9% 4.สหรัฐอเมริกา +29.2% 5.ลาตินอเมริกา+22.5% 6.เกาหลีใต้ +14.5% 7. CLMV +13.1% 8.สหภาพยุโรป +12.8% 9.แอฟริกา +10.2% และ 10. อาเซียน(5) +8.3%
“ตัวเลขการส่งออกถือว่ายังดีมาก 5 เดือนแรกขยายตัว 12.9% ทำเงินเข้าประเทศแตะ 4 ล้านล้านบาทโดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมที่ยังขยายตัวได้ดี มีปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้ตัวเลขส่งออกอย่างดีมากเช่น นโยบายส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร อาหาร เครื่องดื่มของกระทรวงพาณิชย์ ถือว่าประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการตลาด”
โดยการส่งเสริมการตลาดที่สำคัญได้แก่ 1.การบริหารจัดการส่งออกผลไม้ไปยังตลาดใหญ่ที่สุดของไทยคือ ตลาดจีน ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม สามารถปรับรูปแบบโลจิสติกส์ ที่ประสบปัญหาในช่วงก่อนหน้านี้ คือการขนส่งทางบก เป็นการขนส่งทางเรือและทางอากาศมากขึ้น ทำให้การส่งออกผลไม้ไปจีนปีนี้มีอุปสรรคน้อยมากและประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น ภายใต้การบริหารเชิงรุกและเชิงลึก
2.การจัดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ของไทยประสบความสำเร็จทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำให้สินค้า BCG Model และ Soft Power ทำรายได้มากกว่า 60,000 ล้านบาท
3.นโยบายการเร่งรัดการใช้ประโยชน์จาก FTA และ Mini-FTA และการหารือร่วมกันแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีในระดับรัฐมนตรี ซึ่งตนเจรจากับหลายประเทศทั้งรัฐมนตรีการค้าลาว เวียดนาม การเจรจาระดับทูตพาณิชย์กับทางการจีนและประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
นอกจากนี้จากปัจจัยทางเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น ความต้องการอาหารจากทั่วโลกที่สูงขึ้น ส่งให้ประเทศไทยส่งออกอาหารเกื้อหนุนได้มากขึ้นและภาคการผลิตทั่วโลกขยายตัวความต้องการวัตถุดิบจากประเทศไทย เพื่อใช้ในการผลิตยังดีและสุดท้ายค่าเงินบาทอ่อนค่าในช่วงหลังมีส่วนช่วยทำให้การส่งออกสามารถแข่งขันราคากับคู่แข่งในตลาดโลกได้ดีขึ้น
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึง การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ว่า การค้าชายแดน 4 ประเทศ 1.มาเลเซีย 2.กัมพูชา 3.เมียนมา 4. ลาว ในภาพรวมการเดือนพฤษภาคม 2565 ส่งออก +16.33% ทำเงินเข้าประเทศ 55,002 ล้านบาท และ 5 เดือนแรกปี 65 ส่งออก +17.24% ทำเงินเข้าประเทศ 267,052 ล้านบาท
โดยการค้าชายแดนด้านมาเลเซียเดือนพฤษภาคม ส่งออก -1.57% ทำเงินเข้าประเทศ 14,932 ล้านบาท 5 เดือนแรก +3.08% ทำเงินเข้าประเทศ 75,348 ล้านบาท ที่เป็นลบเนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ขาดแคนวัตถุดิบ
ด้านเมียนมา การส่งออกเดือนพฤษภาคม +23.28% ทำเงินเข้าประเทศ 13,432 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก +34.25% ทำเงินเข้าประเทศ 59,986 ล้านบาท
ด้านกัมพูชา เดือนพฤษภาคม +13.82% ทำเงินเข้าประเทศ 13,405 ล้านบาท และ 5 เดือน +17.76% ทำเงินเข้าประเทศ 67,503 ล้านบาท และด้าน สปป.ลาว เดือนพฤษภาคม +40.25% ทำเงิน 13,223 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก + 21.90% ส่งออก 64,216 ล้านบาท
ส่วนการค้าผ่านแดน มี 3 ประเทศสำคัญ คือ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นปลายทางของการค้าผ่านแดน โดยการค้าผ่านแดนไปจีน เดือนพฤษภาคม -24.01% ทำเงินเข้าประเทศ 35,702 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก -23.81% ทำเงินเข้าประเทศ 137,534 ล้านบาท เหตุผลสำคัญคือหันไปส่งออกทางเรือและทางอากาศมากขึ้นแทนการส่งออกข้ามแดนไปทางบก ทำให้ตัวเลขผ่านแดนผ่านเส้นทางบกลดลง แต่ไม่มีผลทำให้ตัวเลขการส่งออกในภาพรวมลดลงกลับเพิ่มขึ้น
“จากที่เราสามารถแก้ปัญหาระบบการขนส่งโลจิสติกส์จากทางบกที่มีปัญหาอุปสรรค ในการข้ามด่านเพราะโควิดไปทางเรือและทางอากาศคล่องตัวขึ้น การส่งออกผ่านแดนไปจีนเดือนพฤษภาคม -18.80% ทำเงินเข้าประเทศ 19,083 ล้านบาท และ 5 เดือนรวมกัน -24.90% ทำเงินเข้าประเทศ 56,549 ล้านบาท
ส่วนการค้าผ่านแดนไปสิงคโปร์ เดือนพฤษภาคม -11.18% ทำเงินเข้าประเทศ 3,887 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก +2.5% ทำเงิน 20,101 ล้านบาท โดยการค้าผ่านแดนไปสิงคโปร์เดือนพฤษภาคมที่ติดลบ ผลจากลดการขนส่งทางบกเนื่องจากติดด่านไปส่งทางเรือมากขึ้น และช่วงหลังตู้คอนเทนเนอร์คล่องตัวขึ้นค่าระวางเรือปรับลดลง
และการค้าผ่านแดนไปเวียดนามเดือนพฤษภาคม -15.24% ทำเงินเข้าประเทศ 3,737 ล้านบาท และ 5 เดือนแรก -8.27% ทำเงินเข้าประเทศ 18,438 ล้านบาท
“ภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนรวมกันเดือนพฤษภาคม -3.77% ทำเงินเข้าประเทศ 90,704 ล้านบาท เพราะการค้าข้ามแดนติดลบ เราขนส่งทางบกน้อยลงหันไปใช้ทางเรือและทางอากาศมากขึ้น ซึ่งยังทำให้ตัวเลขเดือนพฤษภาคมในภาพรวม + 10.5% และ 5 เดือนแรกในภาพรวมการส่งออก +12.9%” นายจุรินทร์ กล่าว
สำหรับทิศทางการส่งออกในเดือนที่เหลือของปีนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า คาดยังขยายตัวเป็นบวก โดยจาก 5 เดือนแรกที่ขยายตัว 12.9% ทั้งปียังน่าจะบวกได้และน่าจะเกินเป้าหมายที่กระทรวงฯตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 4-5% แต่จะเพิ่มไปมากน้อยแค่ไหนต้องประเมินรายละเอียดต่อไป โดยจากปีที่แล้วไทยส่งออกได้ 8.5 ล้านล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าที่ 9 ล้านล้านบาท แต่ 5 เดือนทำได้ 4 ล้านล้านบาทแล้ว น่าจะเกินเป้าที่ 9 ล้านล้านบาทได้