วันที่ 16 ก.ค.2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นการขอขึ้นราคาสินค้า ว่า สินค้าที่ขอขึ้นราคามีทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคปนกัน
ซึ่งตนได้สั่งการเป็นนโยบายว่าให้พิจารณาลึกในรายละเอียดว่าต้นทุนที่แท้จริงคืออย่างไร ซึ่งคะเนได้อยู่แล้วว่าต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน เพราะจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สรวมทั้งค่าขนส่ง อย่างไรก็ตามขอให้ดูให้รอบคอบที่สุดและอยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย
ขณะเดียวกันให้ผู้ประกอบการไม่ถึงกับขาดทุนจนไม่สามารถผลิตต่อไปได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาใหม่ตามมานอกจากถูกกดราคาแล้ว จะประสบกับการขาดทุนและเลิกผลิต ทำให้แทนที่จะมีปัญหาของแพงกลายเป็นมีปัญหาของขาดซ้ำซ้อนเข้ามา ความสมดุลอยู่ตรงไหน “วิน-วินโมเดล” จะต้องนำไปใช้ และสินค้าใดที่ราคาขึ้น
ต่อไปถ้าต้นทุนต่ำลงมาต้องปรับราคาลดลง ไม่ใช่ขึ้นแล้วขึ้นเลย หลายคนอาจจะยังกังวลว่าตอนนี้ต้นทุนสูงขึ้นขึ้นได้ แต่วันหลังพอน้ำมันลงพลังงานลง ต้นทุนต่ำลงจะลงหรือไม่
ตนเรียนว่ากระทรวงพาณิชย์จะไปบริหารจัดการให้ลง เช่น น้ำมันปาล์มขวดเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ตอนนี้ผลปาล์มเริ่มปรับราคาลง ราคาน้ำมันปาล์มขวดควรจะปรับลด แต่ลดทันทีทั้งหมดไม่ได้เพราะมีสต๊อกเก่าที่ผู้ผลิตผลิตไว้หลงเหลืออยู่จำนวนไม่น้อยที่ต้นทุนสูง
ก่อนหน้านี้ปาล์มน้ำมันกิโลกรัมละ 10-12 บาทในบางช่วง ไม่ใช่ 7-8 บาท/กก. ในช่วงเวลานี้ จะต้องเข้าใจและพยายามช่วยกันแบ่งเบาภาระลดลงมาทีละขยักก็ยังดี ตั้งแต่เมื่อวานก็ลงมาขวดละ 5-6 บาท
และสัปดาห์หน้าให้อธิบดีกรมการค้าภายในเจรจาอีกรอบหนึ่งว่าสัปดาห์หน้าจะปรับลดลงได้กี่บาท เพื่ออย่างน้อยที่สุดช่วยลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชนแต่ผู้ประกอบการก็ให้อยู่ได้ด้วย เดี๋ยวขาดทุนจะเลิกผลิตน้ำมันปาล์มขวดจะเกิดปัญหาใหม่เหมือนในอดีตที่เคยเกิด
“ซึ่งสัปดาห์นี้น้ำมันปาล์มขวดราคาลงไปประมาณ 5-6 บาท จาก 67-70 บาทต่อขวด เหลือ 61-63 บาท แต่สัปดาห์หน้าคงปรับลงไปให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้อธิบดีกรมการค้าภายในไปคุยกันแล้วจะเรียนให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง เพราะต้องประกาศให้ทราบผู้บริโภคจะได้ทราบและช่วยกันตรวจสอบด้วย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว