ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.65 กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก ประมาณ 100 คน นำโดยนายมโนสิทธิ์ แจ้งจบ รักษาการนายกสมาคมที่พักบูติคจังหวัดภูเก็ต ได้รวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถหลังธนาคารกรุงไทยป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ถือป้ายประท้วงสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มโรงแรมขนาดเล็ก ที่ไม่มีใบอนุญาต ถูกบังคับคดียึดทรัพย์
จึงรวมตัวกันแสดงพลัง ในโอกาสที่คณะรองนายกรัฐมนตรี (ดร.วิษณุ เครืองาม) ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี รองศาสตราจารย์ วราภรณ์ สามโกเศศ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ กลุ่มกระทรวงคณะที่ 3 และคณะเจ้าหน้าที่ ติดตามประเมินผลการส่งเสริม และการพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง ในพื้นที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่ร่วมคณะมาด้วย
หนึ่งในตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก กล่าวว่า พวกเราในนามกลุ่มสมาชิกสมาคมที่พักบูติคภูเก็ตได้รับความเดือดร้อนตั้งแต่โควิด-19 ทำให้โรงแรมขนาดเล็กในป่าตองไม่ต่ำกว่า 200 แห่งถูกบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาด จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือขอผ่อนผันการเปิดโรงแรม และขอให้ช่วยแก้กฎหมายที่เป็นปัญหาซึ่งมีการเรียกร้องกันมานาน
“พวกเราลำบากและเดือดร้อนกันมาก เนื่องจากโควิด ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรายได้ และโรงแรมไม่มีใบอนุญาต ต้องถูกปิด ทำให้ไม่มีเงินจ่ายธนาคาร ถูกยึดทรัพย์ อยากให้ธนาคารยืดเวลาในการจ่ายคืนเงินกู้ ไม่อยากให้ยึดโรงแรม เพราะบางคนที่ถูกยึดทรัพย์ยังต้องจ่ายหนี้กันด้วย จึงขอให้พวกเราได้ไปต่อ ขอให้พวกเราได้เปิดกิจการด้วย ขอให้รัฐบาลเห็นใจพวกเราด้วย ไม่ใช่เอื้อแต่โรงแรมขนาดใหญ่”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (อ.ค.ต.ป.)ได้รับฟังบรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรม ที่ไม่สามารถออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรือรื้อถอนอาคาร ตลอดจนรับทราบปัญหาอุปสรรคของผู้ประกอบการที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารเทศบาลเมืองป่าตอง และตัวแทนจากสมาคมที่พักบูติคจังหวัดภูเก็ตให้ข้อมูล
ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีการนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของข้อกฎหมายโรงแรมที่ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กไม่สามารถเดินหน้าธุรกิจได้ จึงอยากให้เร่งดูแลในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ถูกบังคับคดีไปแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกจำนวนหลายสิบราย ซึ่งทางอนุกรรมการฯ ได้มีการซักถามและรับข้อมูลทั้งหมด เพื่อนำไปสรุปเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีต่อไป
จึงขอให้ดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนก่อนที่ภาพรวมของการท่องเที่ยวภูเก็ตจะดูเหมือนเมืองร้าง เมื่อมีป้ายปิดกิจการหรือยึดทรัพบังคับคดีที่มีอยู่ไม่น้อย เพราะคนที่ทำธุรกิจที่พักขนาดเล็กเหล่านี้ ล้วนเป็นคนภูเก็ตดดั้งเดิม ที่บริการที่พักตั้งแต่ภูเก็ตเริ่มมีนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ
ซึ่งกิจการเหล่านี้เจ้ากิจการล้วนดูแลเองอย่างดี บางครั้งก็พักที่นั่นด้วยเพื่อดูแลกิจการด้วยตนเอง จึงขอวิงวอนภาครัฐต่อลมหายใจให้พวกเราด้วย