ยังไม่ให้ขึ้นราคามาม่า! พาณิชย์ย้ำห้ามปรับราคา

18 ก.ค. 2565 | 11:07 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2565 | 22:22 น.

ยังไม่ให้ขึ้นราคามาม่า! พาณิชย์ย้ำห้ามปรับราคา ยันมีมาตรการเข้มห้ามแอบปรับราคาเพราะยังไม่อนุญาตให้ผู้ผลิตรายใดปรับขึ้นราคาสินค้า

หลังจากที่ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประกาศจะปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นซองละ1บาท โดยเฉพาะมาม่าที่ขอปรับราคาขึ้นเนื่องจากแบกรับต้นทุนที่พุ่งสูงไม่ไหวนั้น ล่าสุดนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผย ยังไม่อนุญาตให้ขึ้นไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน

ที่ระบุว่าจะปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกซองละ 1 บาท จากราคาซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท โดยอ้างมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2565 เพราะต้นทุนการผลิตและต้นทุนค่าขนส่งปรับสูงขึ้น เช่น ราคาแป้งสาลี ราคาน้ำมันปาล์ม และราคาน้ำมันดีเซล เป็นต้นนั้น

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งการปรับราคาอย่างเป็นทางการจากบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายด้วย และกรมการค้าภายใน ยังคงเข้มงวดต่อมาตรการเชิงนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้ดูแลผู้บริโภคและประชาชนอย่างถึงที่สุดที่ผ่านมามีบริษัทผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายได้มีการยื่นขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ยังไม่ให้ขึ้นราคามาม่า! พาณิชย์ย้ำห้ามปรับราคา

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาโดยการคำนวณต้นทุนอย่างเป็นธรรมต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคให้เกิดความสมดุลและยังไม่มีการอนุญาตให้ผู้ผลิตรายใดปรับขึ้นราคา

ยังไม่ให้ขึ้นราคามาม่า! พาณิชย์ย้ำห้ามปรับราคา

"โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าควบคุมที่ต้องขออนุญาตปรับราคาจำหน่ายปลีก หากมีการปรับราคาจำหน่ายปลีกโดยพละการถือเป็นการกระทำความผิดกฎหมายและมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542กรมฯ รับทราบและเข้าใจถึงสถานการณ์ต้นทุนสินค้าที่มีการปรับสูงขึ้นจริง ทั้งในส่วนของราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งโดยตรง สำหรับเรื่องการพิจารณาอนุญาตให้ปรับราคาสินค้าจะต้องพิจารณาถึงต้นทุนเป็นรายกรณีไป

ยังไม่ให้ขึ้นราคามาม่า! พาณิชย์ย้ำห้ามปรับราคา

และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคมากนัก โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายก็ต้องสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สินค้าต้องไม่ขาดแคลน ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะใช้ทั้งมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางบริหารเพื่อดูแลให้ความเป็นธรรมและสมดุลสำหรับทุกฝ่ายต่อไป "