วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 คำสั่งธนาคารกลางเมียนมาสั่งระงับการชำระคืนหนี้ต่างประเทศทุกรูปแบบเขย่าการค้าไทย-เมียนมา นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ นักธุรกิจค้าชายแดนไทย-เมียนมา และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า คำสั่งธนาคารกลางเมียนมาดังล่าว ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบกับตลาดการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด่านแม่สอด (อ.แม่สอด จ.ตาก) กับเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะต่อเนื่องและหนักขึ้น ประกอบกับเงินเฟ้อเริ่มจะพุ่งสูงขึ้น และสินค้าจะแพงขึ้น และในส่วนของค่าเงินที่ซื้อขายเงิน ในตลาดมืดกับเงินในตลาดแจ้งก็แตกต่างกันมาก
ที่สำคัญคืออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินจ๊าดเมียนมากับเงินบาทไทย ถูกกระทบหนักจนแทบจะทำการค้าไม่ได้ ค่าเงินในตลาดซื้อขายเงินในตลาดมืดกับตลาดทางการก็แตกต่างกันอย่างมาก รัฐบาลเมียนมาเริ่มบีบให้ต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯทำการค้าตามแนวชายแดน เนื่องจากรัฐบาลเมียนมากำลังขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ เงินดอลลาร์แทบจะหมดจากคลัง จึงต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯไว้ไปชำระหนี้ต่างประเทศ รวมทั้งการนำไปซื้อน้ำมันมาใช้ภายในประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กำลังเผชิญปัญหาคล้าย ๆ กับประเทศศรีลังกา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอ.แม่สอด จ.ตาก กับจังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมา เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวมา 1-2 สัปดาห์แล้ว และรุนแรงหนักขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งพ่อค้าชายแดนด้านอ.แม่สอด ต่างเฝ้าดูสถานการณ์ไปถึงปลายเดือนก.ค.-ต้นส.ค.นี้ ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร รุนแรงขึ้นหรือเบาบางลง
ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางเมียนมาได้ส่งหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ รวมทั้งบุคคลที่ได้รับอนุญาต เพื่อระงับการจ่ายคืนหนี้ต่างประเทศ ไม่ว่าจะในรูปของเงินสดหรือในรูปแบบอื่น ๆ รวมทั้งให้ธนาคารพาณิชย์แจ้งต่อลูกค้าว่า ให้ปรับตารางการจ่ายคืนหนี้กับเจ้าหนี้ต่างประเทศ และเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของเมียนมายังได้อนุญาต ให้สถาบันการเงินต่างประเทศสามารถตั้งบริษัทไฟแนนซ์ได้เอง หรือเข้าร่วมลงทุนในเมียนมาเพื่อเสริมเงินทุนต่างชาติ
ข้อมูลบลูมเบิร์กระบุ บริษัทในเมียนมามีหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์รวมกันอย่างน้อย 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศสูง อาทิเช่น Ooredoo Myanmar ทำธุรกิจสื่อสาร City Square Commercial ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Apollo Towers Myanmar ธุรกิจเสาสัญญาณสื่อสาร
ทั้งนี้ ค่าเงินจ๊าดเมียนมาเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อ่อนค่าลงมาราว 1 ใน 3 เทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหารโดยรัฐบาลทหารของเมียนมา ส่งผลให้เงินสำรองในสหรัฐฯถูกแช่แข็ง ในขณะที่เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศก็ถูกระงับลงด้วย