รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอชี้แจงกรณีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งได้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า ประเด็นคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 580/2564 ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ให้เพิกถอนมติและประกาศยกเลิกการคัดเลือกเอกชน นั้น คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามมาตรา 70 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ทั้งนี้ปัจจุบัน รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) อยู่ระหว่างใช้สิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน คดีดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันกรณีที่ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลห้ามคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ใช้เอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 นั้น ศาลพิพากษาว่า ศาลไม่อาจมีข้อสังเกตตามข้ออ้างดังกล่าวได้ เนื่องจากมิใช่ประเด็นแห่งคดี ประกอบกับ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 354/2564 ไม่รับฟ้องในข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลพิพากษาห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กระทำการที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ และคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว
ส่วนกรณีการกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ เพื่อกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวได้มีผู้แทนจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ตามระบบข้อตกลงคุณธรรมด้วยทุกครั้ง ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอฯ ได้พิจารณาโดยอ้างอิงจากระเบียบและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คุณสมบัติดังกล่าวจึงมีลักษณะเปิดกว้างเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และไม่เป็นการกีดกันหรือเอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายใด
ทั้งนี้รฟม. เป็นองค์กรของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงคำพิพากษาและคำสั่งของศาลที่มีผลบังคับตามกฎหมาย หากมีการดำเนินการของผู้ใดที่มีลักษณะเป็นการขัดขวางการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ รฟม. ซึ่งกระทบต่อประโยชน์สาธารณะและความสำเร็จของโครงการ รฟม. จำต้องรักษาสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)